
บมจ.ซันสวีท กำไรปี 2566 แตะ 357 ล้านบาท ทะยานเพิ่มขึ้น 185% ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 3,696 ล้านบาท ชี้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เน้นแผนเชิงรุกการขยายตลาดต่างประเทศ-ตลาดในประเทศมากขี้น เตรียมเรียกประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 22 เม.ย. นี้
วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUN เปิดเผยว่า แผนกลยุทธ์ปี 2567 คาดว่ารายได้เติบโต 10-15% ตามเป้าพร้อมเดินหน้าโครงการลงทุนเสริมประสิทธิภาพและช่วยลดแรงงาน เน้นแผนเชิงรุกการขยายตลาดต่างประเทศ และตลาดในประเทศมากขี้น เพิ่มช่องทางการตลาด-ช่องทางการกระจายสินค้าครอบคลุมทุกมิติ หนุนยอดคำสั่งซื้อ
กลุ่มลูกค้าหลัก ๆ ของบริษัทยังเป็นตลาดเอเชียยุโรป ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และ บริษัทยังมีแผนรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่สูง สะท้อนให้เห็นภาพการเติบโตของธุรกิจแข็งแกร่งต่อเนื่อง กำไร Q4/66 อยู่ที่ 117 ล้านบาท โตแรง 222% ทำรายได้จากการขายงวด Q4/66 แตะ 843 ล้านบาท โต 60% จากยอดขายสินค้าข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง (Can) และข้าวโพดแช่แข็ง (Frozen) สินค้าพร้อมทาน (RTE) ภายใต้แบรนด์ KC ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากสินค้าหลัก อาทิ มันหวานเผา และถั่วลายเสือ อีกทั้งสินค้าใหม่ สุดปัง!! ลำไยลอยแก้ว
ปัจจุบันได้วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ และรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 39 ล้านบาท ใน Q4/66 จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นเพราะมีอุปทานข้าวโพดหวานเพียงพอ อุปสงค์การส่งออกที่แข็งแกร่งและยอดขายในประเทศของสินค้าพร้อมทาน (RTE)
ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินโครงการเพิ่มกำลังการผลิตในกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (RTE) Modern Factory 2 จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากกว่า 200,000 ชิ้นต่อวัน และมีแผนพัฒนากลุ่มสินค้าอื่นนอกเหนือจากข้าวโพด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่างประเทศ และการส่งออกในอนาคต
นายวิชัย กล่าวต่อไปว่า การขยายตลาดเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในปี 2567 ซึ่งจะเป็นปีที่มีความท้าทายในส่วนของตลาดมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยยกระดับคุณภาพสินค้าให้ดีอย่างต่อเนื่อง และเฟ้นหาช่องทางขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยในส่วนของตลาดในประเทศ บริษัทจะใช้สินค้าพร้อมทาน RTE เป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโต โดยคาดว่าจะเพิ่มกําลังการผลิตใหม่ เพิ่มขึ้น 200% เป็น 300,000 ชิ้นต่อวัน คาดว่าโครงการการลงทุนจะแล้วเสร็จภายในปี 2567
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 บอร์ดมีมติอนุมัติการจ่ายปันผล เป็นหุ้นสามัญไม่เกิน 128,999,485 ล้านหุ้น ในอัตรา 5 หุ้นสามัญเดิมได้ 1 หุ้นปันผล หุ้นละ 0.10 บาท เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 64,499,743 บาท และจ่ายปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท จำนวนเงิน 161,249,356 บาท รวมการจ่ายปันผลในครั้งนี้ทั้งในรูปแบบของหุ้นปันผล และเงินสดเท่ากับอัตราหุ้นละ 0.35 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 225,749,099 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 30 เมษายน 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ทั้งนี้การให้สิทธิดังกล่าวต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 22 เมษายน 2567