
เปิดเส้นทาง “กากแคดเมียม” 15,000 ตัน ต้นทางโรงงานถลุงแร่สังกะสี “บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์“ จ.ตาก อุตสาหกรรมจังหวัดตาก ผงะพบ 7 บ่อเก็บกากแคดเมียม
วันที่ 5 เมษายน 2567 รายงานข่าวจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตาก แจ้งว่า วานนี้ (4 เม.ย. 67) นายสามารถ บัวชุม หก.พร, นายพงพนธ์ ออมแก้ว หก.รอ, น.ส.นภาพร ประชุมพร วิศวกรชำนาญการ สอจ.ตาก พร้อมด้วยนายนันทวุธ หิมะมาน ผอ.สรข 5 และนายปฐมพงศ์ ทองแกมแก้ว วิศวกรเหมืองแร่ชำนาญการ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ได้ร่วมกันเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่และข้อเท็จจริงโรงงานถลุงแร่สังกะสีของบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ที่ ต.หนองบ้วใต้ อ.เมือง จ.ตาก
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าสภาพโรงงานไม่มีสภาพเป็นโรงงานที่จะประกอบกิจการต่อไปได้แล้วเนื่องจากได้รื้อถอนอาคารโรงงานและเครื่องจักรในการผลิต และพบว่าบริษัทดังกล่าวได้รับอนุญาตให้นำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกโรงงานปริมาณ 15,000 ตัน ไปกำจัดยังโรงงานปลายทางที่ จ.สมุทรสาคร และจากการตรวจสอบบ่อเก็บกากแคดเมียมจำนวน 7 บ่อ พบว่ามีจำนวน 2 บ่อ ที่ได้มีการขนย้ายกากแคดเมียมออกไป ซึ่งบางส่วนทั้งที่มีการบรรจุใสถุง bigbag และยังไม่บรรจุ ได้เก็บไว้ภายในอาคาร
ซึ่งเบื้องต้น คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างกากแคดเมียมทั้งจากบ่อเก็บการและในอาคาร เพื่อส่งวิเคราะห์ตรวจสอบต่อไป
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X ภายหลังผู้ว่าฯราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประกาศให้ ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นเขตภัยพิบัติหลังพบกากแคดเมียมกว่า 1.5 หมื่นตันที่เป็นสารก่อมะเร็ง ว่า การจัดเก็บกากแร่แคดเมียมจะต้องทำให้เป็นไปตามตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
“ผมได้สั่งการให้ท่านรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่สมุทรสาครเพื่อกำกับดูแลการบังคับใช้กฎหมายให้รวดเร็ว พร้อมทั้งวางมาตรการเพื่อควบคุมสารอันตรายเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก” นายกรัฐมนตรีกล่าว