ชาวประมง 22 จังหวัด ขู่จอดเรือประท้วงรัฐบาล หากเมินแก้ปัญหาความเดือดร้อน

เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 24 กรกฎาคม ที่สมาคมประมงสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา นายสุรเดช นิลอุบล นายกสมาคมประมงสงขลา พร้อมสมาชิกสมาคมประมง เจ้าของเรือประมง แพปลา และผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการประมง ใน จ.สงขลา 250 คน ร่วมหารือ เพื่อเตรียมรวมตัวไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการ จ.สงขลา เพื่อเรียกร้อง ให้รัฐบาลหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนชาวประมง ในวันที่ 1 ส.ค.และขอให้แก้ไขปัญหาภายใน 7 วัน หากไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหา ชาวประมงทั่วประเทศจะพร้อมใจกันจอดเรือหยุดทำการประมงประท้วงรัฐบาล

รายงานข่าวแจ้งว่ามติของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ที่มีผู้แทนสมาคมประมงจากทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุม มีข้อเรียกร้องที่ขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา คือ 1. การขาดแคลนแรงงาน ขอให้ใช้ ม.83 พรก.ประมง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เป็นการช่วยให้ภาคการประมงประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยขอให้เปิดให้คนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยอย่างผิดกฎหมายและเปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ทำบัตรซีบุ๊คได้ เพื่อทำงานในเรือประมง ซึ่งมีความต้องการแรงงาน จำนวน 50,000 คน และให้มาตรการเปิดใช้ตลอดระยะเวลา 2 ปี

2.การซื้อเรือคืน ขอให้หน่วยงานของรัฐเร่งดำเนินการเรื่องการซื้อเรือคืนโดยเร็วที่สุด 3. ปัญหาของกฎและระเบียบต่าง ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่ออกมาบังคับใช้กับผู้ประกอบการเรือประมงในช่วงระยะหลัง ไม่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพฯทำให้เกิดปัญหา  และ 4. กรมเจ้าท่า ขอให้เร่งรัดการแก้ไข ปรับปรุง กฎข้อบังคับการตรวจเรือที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นไปหลายเดือนแล้ว 5.กรมประมง ขอให้แก้ไขปัญหากฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆของกรมประมง ที่เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติของชาวประมงในหลาย ๆ ฉบับ 6. PIPO ขอให้แก้ไขปัญหาในการแจ้งเข้า – ออก เนื่องจากแต่ละหน่วยและเจ้าหน้าที่แต่ละศูนย์ปฏิบัติไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แม้จะมีการร่วมกันจัดทำคู่มือแนวการปฏิบัติแล้วก็ตาม และ 7. VMS ปัญหาค่าบริการรายเดือนของอุปกรณ์ VMS ที่ชาวประมงต้องรับภาระในช่วงที่เรือจอด

นายสุรเดช กล่าวว่าสมาชิกชาวประมงทั่วประเทศ มีมติคัดค้านการที่รัฐบาลจะไปให้สัตยาบันเพื่อรับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 188 (C.188) โดยนายกสมาคมประมงทั่วประเทศทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล จะมีหนังสือคัดค้าน และนำไปยื่นที่ทำเนียบรัฐบาลพร้อมกันในวันที่ 1 ส.ค.

ที่มา. มติชนออนไลน์