“จาวลาเชียงใหม่”ลุยเชนรร.B2 ขยายเพิ่ม 10 สาขาปี’63-64 รุกหลายจังหวัดตะวันออก-อีสาน-ใต้-เหนือ-กทม.

สัมภาษณ์

13 ปี 43 สาขา กับการปักหมุดโรงแรม B2 ไปทุกภูมิภาคทั่วไทยของ “กลุ่มจาวลาเชียงใหม่ กรุ๊ป” ทุนท้องถิ่นเมืองเชียงใหม่ ที่มุ่งมั่นปั้นแบรนด์ B2 กลายเป็นผู้นำโรงแรมบัดเจตระดับ top ของประเทศ และวันนี้ยังคงก้าวรุกอย่างต่อเนื่อง มุ่งเรือธง B2 บุกธุรกิจ “เชนโรงแรม” อย่างเต็มตัว โดยโฟกัสตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) เป็นเป้าหมายหลัก “พิชัย จาวลา” กรรมการบริหาร กลุ่มจาวลาเชียงใหม่ กรุ๊ป-ซีอีโอแห่งอาณาจักร B2 ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ”

เปิดแผนรุก B2

พิชัยกล่าวถึงแผนงานสำคัญของกลุ่มจาวลาเชียงใหม่ กรุ๊ป ในปี 2563 ว่า ได้กำหนดทิศทางและเป้าหมายชัดเจน มุ่งสู่ธุรกิจ “เชนโรงแรม” (hotel chain) อย่างเต็มตัวและเต็มรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ “B2”

โดย B2 ทั้งหมด 43 สาขาในปัจจุบัน แบ่งเป็นสาขาที่ทางกลุ่มจาวลาเชียงใหม่ กรุ๊ป ลงทุนเอง 39 สาขา และอีก 4 สาขาเป็น B2 ในรูปแบบ “เชนโรงแรม” ที่เปิดให้บริการแล้ว ได้แก่ แม่สอด ศรีราชา อมตะนคร (ชลบุรี) และนครศรีธรรมราช

ล่าสุดทางกลุ่มจาวลาฯได้ลงนามเซ็นสัญญาบริหารโรงแรมภายใต้เชน B2 เรียบร้อยแล้วอีก 7 สาขา ได้แก่ สุรินทร์ ระยอง ฉะเชิงเทรา ห้วยขวาง-รัชดา (กรุงเทพฯ) ดอนเมือง (กรุงเทพฯ) อ่าวนาง (กระบี่) และบางแสน (ชลบุรี) โดย 5 สาขาแรกจะเปิดให้บริการภายในปี 2563 และอีก 2 สาขา คือ อ่าวนาง และบางแสน จะเปิดบริการปี 2564

“โรงแรมเชน B2 ทุกแห่งเป็นการลงทุนใหม่โดยนักลงทุนในพื้นที่ ซึ่งมีความมั่นใจในแบรนด์ B2 มีความเชื่อมั่นในการบริหารของเรา ตอนนี้ทางกลุ่มอยู่ระหว่างการพูดคุยกับนักลงทุนในประเทศที่สนใจเชน B2 อีกมากกว่า 10 ราย”

พิชัยกล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา B2 มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือได้มุ่งพัฒนาระบบหลังบ้าน (management) อย่างจริงจัง เนื่องจากพบว่าเมื่อจำนวนสาขาเยอะขึ้นในช่วงระยะ 10 ปี ทำให้การบริหารจัดการมีความซับซ้อนมากขึ้น หากหลังบ้านไม่แข็งแรงพอ หรือ management qual-ity ไม่ดี จะมีความเสี่ยง ดังนั้น ความสำคัญในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของ B2 จึงถูกเคลื่อนย้ายอย่างมีนัยสำคัญ โดยความยุ่งยากซับซ้อนได้ถูกแก้ไข ถูกพัฒนาด้วยเงินลงทุนราว 60 ล้านบาท ทำให้วันนี้ B2 มีการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มี platform ที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานระดับสากล มีระบบที่เชื่อมต่อ OTA ในการจองห้องพัก มีระบบที่สามารถรู้ความเคลื่อนไหวของจำนวนห้องพักที่รวดเร็ว สามารถแก้ไข rate ห้องพักได้รวดเร็วในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าถึง B2 ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

“การมุ่งสู่ธุรกิจเชนบริหารโรงแรมจึงตอบโจทย์ ช่วยให้เอสเอ็มอีหรือคนที่ไม่มีโนว์ฮาว แต่อยากลงทุนในธุรกิจโรงแรม มีโอกาสในการทำธุรกิจมากขึ้นโดยไม่มีความเสี่ยง เราสามารถบริหารจัดการสาขาที่มีจำนวนมาก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานสากล สามารถบริหารสาขาได้ไม่จำกัด การแตกไลน์มาทำเชนโรงแรมทำให้ศักยภาพของแบรนด์มีความเป็นสากล และการมีสาขาเพิ่มมากขึ้นเป็นการเพิ่ม brand value ให้กับ B2 ตอกย้ำว่า แบรนด์เราแข็งแรง”

เป้าหมายชัดเจนในการบุกตลาดเชนโรงแรม B2 วางไว้ 2 ส่วนหลัก คือ การมุ่งขยายสาขาตลาดในประเทศทั่วไทยและต่างประเทศในกลุ่ม CLMV โดยมีการพูดคุยกันตลอด 2 ปี กับเอเย่นต์ที่ประสานนักลงทุนใน CLMV ขณะนี้มีนักลงทุนให้ความสนใจหลายราย ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องศึกษาความเป็นไปได้อีกหลายขั้นตอน คาดว่าภายใน 2 ปีจะมีรูปธรรมชัดเจนของเชน B2 ใน CLMV

ลุยขยายสาขาเองไม่หยุด

ขณะที่เรือธงใหม่ของ B2 คือ การมุ่งสู่ธุรกิจเชนโรงแรม ทว่าการลงทุนขยายสาขาเองของกลุ่มจาวลาเชียงใหม่ กรุ๊ป ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องควบคู่กันไป

พิชัยบอกว่า แผนงานในปี 2563 ทางกลุ่มจาวลาฯจะลงทุนขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ ขอนแก่น (สาขา 2) ริมน้ำปิงเชียงใหม่ (สาขา 2) และภูเก็ต (สาขา 2) ใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้นราว 260 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 สาขาอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ราวปลายปี 2563 สำหรับ B2 ภูเก็ต (สาขา 2) ถือเป็นสาขาที่ใช้เงินลงทุนมากที่สุด คือ 120 ล้านบาท เป็นโรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวแห่งแรกของ B2

“เรายังลงทุนขยายสาขาเองไปเรื่อย ๆ ควบคู่กับการบริหารโรงแรมเชน B2 เราไม่เน้นเติบโตเร็ว ดูตามกำลังทรัพย์และความเหมาะสม 13 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของเราค่อนข้างราบเรียบ ไม่หวือหวา สาขาแต่ละปีกระโดดไม่มาก แต่ต้องปรับตัวให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เทรนด์ในอนาคตต้องทำของดี ส่วนราคาจะเพิ่มได้น้อยกว่าคุณภาพ เพราะคู่แข่งเยอะขึ้น”

โดยการลงทุนในระยะ 4 ปีหลังของ B2 ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพ เพิ่มมูลค่าห้องพักให้มีมาตรฐานสูงขึ้น เช่น สาขาอุบลฯ โคราช (สาขา 2) พิษณุโลก แพร่ นครสวรรค์ หาดใหญ่ (2 สาขา) ปาย แม่ฮ่องสอน น้ำปิงริเวอร์ไซด์เชียงใหม่ และหัวหิน ทุกสาขาเน้นความสวยงาม การดีไซน์ที่ทันสมัยมากขึ้น แต่ rate ห้องพักจ่ายเท่าเดิมในราคา budget เนื่องจากคู่แข่งมากขึ้น การยอมลดกำไรลง แต่ลูกค้าได้ความคุ้มค่าเกินราคาที่จ่าย จะทำให้เกิดความมั่นคงของธุรกิจในระยะยาว ดังนั้น การลงทุนสาขาใหม่ของ B2 นับจากนี้ไปจะถูกยกระดับเรื่องมาตรฐานในทุก ๆ ด้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Boutique Classic Style

โควิด-19 กระทบแค่ 4 สาขา

ปัจจุบัน B2 มีจำนวนห้องพักมากกว่า 2,500 ห้อง มียอดขายราว 900,000 ห้องต่อปี มีจำนวนลูกค้าเข้าพักมากกว่า 1,500,000 คนต่อปี อัตราการเข้าพักช่วงไฮซีซั่นอยู่ที่ 90% และช่วงโลว์ซีซั่นอยู่ที่ราว 80% ลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มคนเดินทางทั้งกลุ่มองค์กรและคนทำงานราว 70% ที่มีความจำเป็นต้องใช้ห้องพักตลอดทั้งปี ส่วนตลาดกลุ่มท่องเที่ยวของ B2 มีทั้งคนไทยและต่างชาติ มีสัดส่วนราว 30% เท่านั้น

ดังนั้น การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบเพียง 4 สาขา ที่เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างมาก ได้แก่ พัทยา (ชลบุรี) ภูเก็ต เชียงใหม่ และ กทม. คาดว่าลูกค้าจะลดลงประมาณ 15% ส่วนที่หลายคนมองว่าช่วงนี้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวลดลงเช่นกันทั้งกรุ๊ป คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยลดลงประมาณ 5% ไม่ได้กระทบอะไรมาก เนื่องจากลูกค้าหลักของ B2 เน้นคนไทยที่เดินทางไปทำงานในจังหวัดต่าง ๆ ประมาณ 70%

มุ่งเพิ่ม Value

พิชัยกล่าวว่า ทิศทางต่อไป “value” ยังสำคัญที่สุดในความเป็น B2 การเพิ่มจำนวนสาขาอย่างต่อเนื่องจะเป็นไปตามสเต็ป ไม่รีบร้อน การเดินแต่ละก้าวต้องค่อย ๆ ก้าวเดิน ไม่หลงไปกับกระแส และไม่ฝืนความเป็นจริง ซึ่งในอนาคตการทำธุรกิจจะยากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งธุรกิจใหญ่ขึ้น ความมั่นคงยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพราะความมั่นคงจะทำให้เกิดความต่อเนื่องโดยไม่สะดุด และจะทำให้เกิดการเติบโต

ล่าสุดทางกลุ่มจาวลาฯได้เปิดศูนย์ training ของ B2 เป็นศูนย์สร้างงานและฝึกอบรมระดับผู้จัดการและพนักงาน เพื่อเตรียมพร้อมบุคลากรที่จะรองรับการขยายสาขา B2 ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต มุ่งยกระดับพนักงานภายในองค์กรจากทุกสาขา เช่น พนักงานระดับต้อนรับส่วนหน้า หรือ front office สามารถขึ้นมาเป็นผู้จัดการได้ โดยเข้าคอร์สฝึกอบรมจากศูนย์ training ซึ่งขณะนี้มีพนักงานระดับ front office ที่ขึ้นมาเป็นระดับผู้จัดการแล้ว จำนวน 5 คน ถือเป็นการให้โอกาสพนักงานทุกคน ทุกระดับ ได้พัฒนาตัวเองให้มีมาตรฐานในการทำงาน มีความก้าวหน้า มีความมั่นคง และพร้อมที่จะทำงานให้องค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน B2 มีพนักงานจากทุกสาขารวมทั้งสิ้นราว 700-800 คน ซึ่งการเพิ่ม value ของ B2 อย่างครบวงจรทุกส่วน ทำให้นักลงทุนที่จะเลือกเชน B2 เห็นมาตรฐานในทุกมิติ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น

“B2 เป็น family business แต่การบริหารมีความคล่องตัวสูงมากและเป็นสากล โดยเฉพาะการบริหารจัดการที่ดีมีมาตรฐาน แบรนด์ดี คุณภาพทรัพย์ดี เป็น 3 ส่วนสำคัญที่ทำให้ B2 เติบโตได้ รวมถึงความสะอาดถือเป็นหัวใจสำคัญ”

นี่คือก้าวรุกของกลุ่มจาวลาเชียงใหม่ กรุ๊ป ที่ยังคงบุกขยายสาขา B2 โรงแรมราคาประหยัดและมีดีไซน์ ไปทุกภูมิภาคของเมืองไทยและขยับสู่ประเทศเพื่อนบ้านกลุ่ม CLMV

โดยมุ่งเรือธงเป็นเชนโรงแรมระดับอินเตอร์แบรนด์ในอนาคต