จังหวัดภูเก็ตเริ่มวัคซีนวันแรกให้กลุ่มแพทย์-พยาบาล หลังได้รับการจัดสรร 68,000 โดส
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 จังหวัดภูเก็ตได้รับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 งวดแรก จำนวน 4,000 โดส ในวันนี้ เริ่มฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตแล้ว โดยเข็มแรกฉีดให้กับนายแพทย์สวัสดิ์ชัย นวกิจรังสรรค์ ตามด้วยแพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โดยมี นายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตร่วมสังเกตการณ์ติดตามขั้นตอนการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ณ ลานม่วงขาว โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
สำหรับขั้นตอนการรับวัคซีนโควิด-19 ประกอบด้วยขั้นตอนลงทะเบียน ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต คัดกรอง ซักประวัติ ประเมินความเสี่ยงลงนามในใบยินยอมรับวัคซีน, รอฉีดวัคซีน, ฉีดวัคซีน, พักสังเกตอาการ 30 นาที สแกนไลน์แอปฯ “หมอพร้อม” และตรวจสอบก่อนกลับรับเอกสารการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน
นายแพทย์สวัสดิ์ชัย นวกิจรังสรรค์ เปิดเผยว่า ก่อนมารับการฉีดได้พักผ่อนให้เพียงพอทำใจให้สบาย และเมื่อรับการฉีดวัคซีน รู้สึกตื่นเต้นและเจ็บตรงต้นแขนนิดเดียว จากนั้นรอดูอาการภาวะแทรกซ้อนหลังจากกลับบ้านแล้ว ซึ่งได้โหลดแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม” ไว้แล้ว การรับวัคซีนครั้งนี้ มีความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขและสร้างความมั่นใจให้ผู้มารับบริการ ขอเชิญชวนผู้มารับบริการเมื่อรับการฉีดวัคซีนกันพร้อมแล้วจะได้สร้างภูมิคุ้มกันให้ภูเก็ตเดินหน้าต่อไปได้
ทางด้าน นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตได้รับแจ้งการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 จำนวน 68,000 โดส สามารถฉีดได้ประมาณ 34,000 คน ในงวดแรกเดือนมีนาคมได้มาจำนวน 4,000 โดส ฉีดได้ประมาณ 2,000 คน ซึ่งหลังจากฉีดเข็มแรกแล้ว เข็มที่สองจะฉีดภายในสองสัปดาห์ จากนั้นจะได้รับการจัดสรรครั้งที่สอง 16,000 โดส ในเดือนเมษายน และครั้งที่สาม 48,000 โดส ในเดือนพฤษภาคมตามลำดับ
ทั้งนี้ ทางจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีนกลุ่มแรก คือบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ถัดไปเป็น กลุ่มที่อยู่ส่วนหน้าที่ต้องไปต้อนรับนักท่องเที่ยว กลุ่มเจ้าหน้าที่ภาครัฐด่านควบคุมโรค ด่านศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง และท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องไปสัมผัสกับบุคคลภายนอก รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการที่ต้องประชุมเป็นคณะ จากนั้นเป็นกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังหรือผู้สูงอายุ และกลุ่มประชาชนทั่วไป
