ชาวสวนยางขอคุยนายกฯตู่ 5 นาที เตรียมพูดปัญหายางรวบรัดที่สุด

วันที่ 2 พ.ย. 60 นายไพรัช เจ้ยชุม คณะกรรมการเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 พ.ย. 60 ทางคณะกรรมการเครือข่ายชาวสวนยางจำนวนหนึ่ง จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่เดินทางมาพบกับประชาชน โดยในการเข้าพบ จะยื่นหนังสือคือประเด็นเรื่องของยางพารา เช่น ปัญหาตลาดกลางยางพารา ของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ประสบปัญหาเกี่ยวกับการประมูลซื้อขายยางพารา เป็นต้น

ทั้งนี้ ตัวแทนเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ประกอบด้วย นายประทบ สุขสนาน รองประธานเครือข่ายฯ ระดับประเทศ นายถนอมเกียรติ ยิ่งฉ้วน ที่ปรึกษาประธานเครือข่ายฯ ระดับประเทศ นายวิสูตร สุชาฏา ประธานเครือข่ายฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช นายไพรัช เจ้ยชุม กรรมการเครือข่ายฯ ระดับประเทศ นายประยูรสิทธิ์ คณานุรักษ์ กรรมการเครือข่ายฯ ระดับประเทศ และนายวุฒิ รักษ์ทอง เครือข่ายฯจังหวัดสุราษฎร์ธานี

“จะทำการยื่นหนังสือกล่าวถึงปัญหายางพาราทั้งระบบ และขอพูดคุย โดยใช้เวลา 4-5 นาที แบบรวบรัด” นายไพรัช กล่าว

นายมนัส บุญพัฒน์ นายกสมาคม คนกรีดยางและชาวสวนยางรายย่อย (ส.ค.ย.) เปิดเผยว่า ได้ตั้งโต๊ะรับลงรายชื่อชาวสวนยางทั่วประเทศ โดยกระจายตั้งโต๊ะให้ลงชื่อมีแบบฟอร์ม เพื่อให้คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย จำนวน 15 คน (บอร์ด กยท.) พ้นจากตำแหน่งบอร์ด กยท. โดยมี พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานบอร์ด กยท. ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการ กยท.

ทั้งนี้ ให้ได้รายชื่อประมาณ 50,000 ชื่อ จากชาวสวนยางทั่วประเทศ แล้วจะทำการยื่นต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อดำเนินการทำการถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่งต่อไป

นอกจากยื่น ต่อ สนช.แล้ว จะทำการยื่นหนังสือไปยังหน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ ทุกหน่วย ที่มีอำนาจ จนกระทั่งไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

“ทั้งนี้ หากปล่อยเอาไว้แล้ว จะทำให้ชาวสวนยางประสบกับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากขณะนี้ราคายางพาราได้ถดถอยลงตามลำดับ หรือเลือดไหลอย่างไม่หยุดยั้ง จึงจำเป็นต้องระงับเลือดที่ไหลออก โดยการลงรายชื่อ 50,000 ชื่อ เพื่อทำการถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่ง เพราะบริหารเรื่องยางบกพร่อง และผิดพลาด” นายมนัสกล่าว และว่า ยกตัวอย่างเช่น ในรอบเดือนตุลาคม 22560 ตลาดกลางยางพารา การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ทั้ง จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และ จ.ยะลา ทั้ง 4 ตลาดกลาง กยท. ยางพารามีการออกสู่การประมูลซื้อขายประมาณ 800,000 กก./วัน เฉพาะเป็นยางแผ่นรมควัน แต่มีการประมูลประมาณ 20,000-30,000 กก./วัน โดยหมุนประมูลไปแต่ละตลาด

“ตลาดกลางยางพารา กยท.ล้มเป็นรายวัน โดยสลับหมุนเวียนแต่ละตลาดแต่ละวันตลอดเดือนตุลาคม 2560 เป็นเงินหลายสิบล้านบาท จนในส่วนยางพาราที่เหลือจากการล้มเลิกประมูล ทำให้ค้างสต๊อก โดยไม่ที่ไปเพราะหาที่ขายไม่ได้ กลายเป็นเศษขยะในที่สุด และราคาก็ลดลงเกินความเป็นจริง”

ส่วนการจะเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส.ค.ย. ที่เดินทางมายัง จ.นครศรีธรรมราช จะไม่เข้ายื่น เพราะที่ผ่านมาการเข้าพบนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งออกมาต่างจังหวัด ก็ยิ่งยากมาก

“กลุ่มผมไม่ได้ไปพบนายกรัฐมนตรี เพราะเคยประสบด้วยตนเองมาแล้ว ที่ จ.สุราษฎร์ธานี การรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้น สแกนแม้กระทั่งสัญญาณโทรศัพท์ก็รับไม่ได้ หนังสือก็รับไม่ได้ พบนายกรัฐมนตรียากกว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล ถ้ายื่นไปยื่นที่ทำเนียบรัฐบาลดีกว่า”