อุบลราชธานีติดเชื้อโควิดเพิ่ม 234 ราย เสียชีวิตแล้ว 54 ราย

โควิด-เสียชีวิต
REUTERS/Soe Zeya Tun/File Photo

อุบลราชธานียอดผู้ติดเชื้อโควิดสูงต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่ม 234 ราย เสียชีวิตแล้ว 54 ราย

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี ได้เผยแพร่ายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดย นายสฤษดิ์ วิฑรูย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ตั้งแต่ 28 มิถุนายน 2564 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน จังหวัดอุบลราชธานีได้มีการยกระดับมาตรการควบคุมโรคเข้มข้นขึ้นสูงสุด เช่นเดียวกันกับจังหวัดสีแดงเข้มในพื้นที่อื่น ๆ

มีคนที่ติดเชื้อจากพื้นที่กรุงเทพมหานครรวมถึงปรมลฑลได้เดินทางกลับภูมิลำเนามารักษาตัวยังจังหวัดอุบราชธานีเป็นจำนวนมาก มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมในจังหวัด 11,774 ราย ซึ่งมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ 234 ราย มีผู้ป่วยสะสม 54 ราย นอกจากนี้ก็มีผู้ป่วยที่ยังรอตรวจและตรวจซ้ำเพิ่มอีก

“สิ่งหนึ่งที่เรากังวลคือการคิดเชื้อภายในจังหวัด แม้ไม่มีคลัสเตอร์ใหม่แต่ก็ดำเนินการติดตามสอบสวนอยู่อย่างเต็มที่ เพราะขณะนี้ตียงโรงพยาบาลก็แทบเอาไม่อยู่แล้ว ต้องเปิดศูนย์พักคอยและโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการ นอกจากนี้ก็ผู้เสียชีวิตก็มีแทบทุกวัน โดยเฉพาะในเขตเมือง แต่เชื่อว่าเราสามารถควบคุมได้และยังมีเตียงว่างที่หมุนเวียนรักษาหายส่งต่ออยู่ตลอดหลายราย”

สำหรับรางงานการฉีดวัคซีนล่าสุด (16 สิงหาคม 2564) รวมฉีดวัคซีน SinoVac, AstraZeneca, Sinopharm, Pfizer เข็ม 1 จำนวน 234,741 คน ฉีนเข็ม 2 จำนวน 57,919 คน และฉีดเข็ม 3 จำนวน 12,727 คน

นายสฤษดิ์กล่าาว่า สถานการณ์ในภาครวมยังมีประชาชนเดินทางเข้ามาในจังหวัด ยังมีปัญหาการแพร่ระบาดภายใน และที่สำคัญที่สุดคือยังมีผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตเกิน 50 คนแล้ว วัดเผาศพไม่เพียงพอเพราะมีความหวาดระแวง ซึ่งก็ได้มีการชี้แจงและแนวทางปฏิบัติไปแล้วโดยทางโรงพยาบาลกับวันที่มีมาตรฐานได้ประสานงานกันไว้แล้ว นอกจากอำเภอเมืองมีการขยายไปยังเขตพื้นที่รอบนอกอีก 7-8 วัด

“ที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดอุบลราชธานียังอยู่ในลำดับต้น ๆ ของจังหวัดทั่วประเทศ ในภาคอีสาน เป็นอันดับ 1 ที่มีผู้ติดเชื้อของจังหวัดและภายในสูงสุดต่เนื่องหลายวัน แม้หลายวันจังหวัดอื่นจะแซงอยู่บ้าง สำหรับโรงงานที่มีการติดเชื้อทางจังหวัดอยากให้ผู้ประกอบการเตรียมโรงพยาบาลสนามภายในโรงงานรองรับไว้เลย ให้สอดคล้องกับมาตรการทั่วประเทศ และที่สำคัญคือทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจร่วมแรงช่วยกัน”