“ยูนิวานิช” ยอดจองกล้าปาล์มน้ำมันทะลักข้ามปี’65

กล้าปาล์ม

ต้นกล้าปาล์มน้ำมันขาดตลาดหนัก ต้องสั่งจองล่วงหน้ากันข้ามปี 2565 ยังไม่มีสินค้าส่ง แถมพ่อค้าหัวใสซื้อไปปั่นบวกราคาต่อทำราคาทะลุ 200 บาท ด้าน “ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม” ยอดจองทะลัก ปิดจองล่วงหน้า 6 สาขา ยอดจองล่าสุดสาขาชะอวดต้องส่งมอบเดือนสิงหาคม 2565

แหล่งข่าวในวงการปาล์มน้ำมันเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ความต้องการต้นกล้าปาล์มน้ำมันในตลาดเพิ่มสูงขึ้นมาก จนทำให้บริษัทเอกชนหลายรายที่ผลิตพันธุ์กล้าปาล์มน้ำมันขายมีผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ต้องจองล่วงหน้าข้ามปียังไม่มีของ

โดยเฉพาะบริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) จ.กระบี่ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มดิบครบวงจร และเป็นผู้ขายต้นกล้าพันธุ์รายใหญ่ ซึ่งได้เปิดให้จองต้นกล้าปาล์มน้ำมันปี 2565 ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2564 ปัจจุบันปิดขายต้นกล้าพันธุ์ทั้ง 6 สาขา เนื่องจากยอดจองล้นมือผลิตไม่ทัน เพราะมีพื้นที่เพาะปลูกต้นกล้าจำกัด

ทั้งที่ศูนย์อ่าวลึก ศูนย์ลำทับ ศูนย์ปลายพระยา ศูนย์ป่าบอน ศูนย์บางวัน ขณะที่ศูนย์ชะอวดเพิ่งเริ่มเปิดรับจองอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ยอดจองเต็มภายในวันเดียว โดยยอดจองวันนี้กว่าจะได้ต้นกล้าปาล์มต้องรอถึงเดือนสิงหาคม 2565 และบริษัทยังไม่สามารถเปิดรับจองเพิ่มได้ ทั้งนี้ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นมากทำให้มีพ่อค้าคนกลางหัวใสเข้าไปจองซื้อกับบริษัทเอกชนและส่วนราชการที่ผลิตต้นกล้าขาย และนำไปบวกราคาขายต่อในราคาที่สูงจากราคาซื้อ 130-160 บาทต่อต้น ไปขายต่อในราคาสูงถึง 200 บาทต่อต้น

“ที่ผ่านมาผู้ผลิตต้นกล้าปาล์มน้ำมันอาจจะคาดการณ์ความต้องการคลาดเคลื่อนกันไป ทำให้ผลผลิตต้นกล้าปาล์มน้ำมันที่มีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด อย่างยอดจองตอนนี้กว่าจะได้ต้นกล้าใช้เวลาอีก 7-8 เดือน เรียกว่าจองข้ามปียังไม่มีของ และกว่าจะเติบโตให้ผลผลิตได้ใช้เวลาอีก 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี”

“ซึ่งถึงตอนนั้นไม่รู้ทิศทางราคาปาล์มจะเป็นอย่างไร แต่ดูแนวโน้มราคาตอนนี้อย่างมากขึ้นไปประมาณ 10 บาทกว่านิดหน่อย เพราะช่วงอีก 2 เดือนปาล์มจะเริ่มให้ผลผลิตแล้ว และจะพีกในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนปีหน้า คาดว่าจะดึงราคาขึ้นไม่ได้มาก ตอนนี้แม้จะมีเกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น แต่ไม่มากเหมือนในอดีต เพราะปัจจุบันทุเรียนมีราคาดีกว่าปาล์ม ทำให้เกษตรกรแบ่งพื้นที่ไปปลูกทุเรียนกันมากขึ้น”

นายโอภาส หนูชิต เกษตรกรเจ้าของสวนปาล์มน้ำมันและอดีตประธานสหกรณ์ปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุง จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้มีความต้องการซื้อต้นกล้าปาล์มน้ำมันกันจำนวนมาก จนต้องสั่งจองซื้อกันล่วงหน้า เนื่องจากภาวะราคาปาล์มน้ำมันปีนี้ดีต่อเนื่องมาตลอด โดยล่าสุดราคาเคลื่อนไหวประมาณกว่า 9 บาท/กก. ส่งผลให้ชาวสวนปาล์มต่างต้องการขยายพื้นที่ปลูก ทั้งนี้ความต้องการต้นกล้าปาล์มที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาขยับขึ้นต่อเนื่อง ราคาเฉลี่ยประมาณ 100-200 บาทต่อต้น

แหล่งข่าวจากสำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุงเปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวเลขปาล์มน้ำมันยืนต้น จ.พัทลุง มีกว่า 90,000-100,000 ไร่ โดยให้ผลผลิตแล้วกว่า 70,000 ไร่ ให้ผลผลิตกว่า 3,000 กก./ไร่ พื้นที่ปลูกมากเป็นอันดับต้น ๆ คือ อ.ปากพะยูน รองลงมา อ.ควนขุน อ.เมือง อ.เขาชัยสน และปลูกแล้วครบทั้ง 11 อำเภอ ขยายการปลูกเพิ่มประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์/ปี จากส่วนหนึ่งมีการโค่นยางพาราออก และส่วนหนึ่งเลิกทำนาข้าวหันมาปลูกปาล์มทดแทน

นายกฤษณชนม์ เทพเกลี้ยง อดีตหัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ตนได้เออร์ลี่จากราชการและได้หันมาพัฒนาปลูกปาล์มน้ำมัน ประมาณ 200 ต้น และได้สั่งจองต้นกล้าพันธุ์ปาล์มน้ำมันสายพันธุ์สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ จ.พัทลุง ปรากฏสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันถูกสั่งจองเต็มจนถึงปี 2565 และได้สั่งปิดการสั่งจองปี 2565 ไปแล้ว เพราะประการสำคัญขณะนี้ขาดแคลนเมล็ดปาล์มน้ำมันที่มีคุณภาพ

ทางด้าน ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนตุลาคม 2564 พบว่าในส่วนราคาปาล์มน้ำมันได้มีการปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ตลอดเดือนตุลาคม 2564 ล่าสุด 9 บาท/กก. โดยที่ราคาขยับขึ้นเป็นผลจากตลาดโลกมีความต้องการปาล์มมากขึ้น รวมทั้งสหภาพยุโรปที่นำเข้าปาล์มไปผลิตไบโอดีเซล เมื่อน้ำมันราคาปรับตัวสูงขึ้น

ขณะที่ประเทศผู้ปลูกปาล์มน้ำมันมีผลผลิตลดลง โดยเฉพาะบราซิลประสบภัยแล้ง ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในต่างประเทศขยับขึ้นเป็น 42 บาท/กก. และในประเทศไทยขยับขึ้นเป็น 44 บาท/กก. สูงสุดในรอบหลายปี สร้างรายได้เป็นอย่างดี