กิฟต์เซตโอท็อปฮิตติดลม ปิ๊งไอเดียจัดของขวัญทุกเทศกาล

ในงาน “OTOP CITY 2017” ที่กรมการพัฒนาชุมชนจัดขึ้นวันที่ 17-25 ธันวาคมที่ผ่านมา นับว่าคึกคักสำหรับการช็อปส่งท้ายปี

โดย “อภิชาติ โตดิลกเวชช์” อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน คาดว่าจะสร้างเงินสะพัดกว่า 1,200 ล้านบาท โดยมีหนึ่งในบูทที่น่าสนใจ คือ บูทสินค้าของฝาก gift set ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยการจัดเซตสินค้าของฝากจากทั่วทุกภูมิภาคในราคาสุดคุ้ม ทั้งนี้หลายปัจจัยที่ทำให้สินค้าโอท็อปได้รับความนิยมมากขึ้นใน 2-3 ปีที่ผ่านมา

ไม่ว่าจะเป็นการตื่นตัวของผู้ประกอบการที่เริ่มหันมาพัฒนาคุณภาพสินค้าของตัวเอง เนื่องจากต้องผ่านมาตรฐานตามเกณฑ์ของสินค้าโอท็อป ทำให้รูปแบบและแพ็กเกจจิ้งของสินค้าได้รับการพัฒนาตามไปด้วย เป็นการยกระดับสินค้าโอท็อปให้เกิดการแข่งขันโดยไม่ด้อยไปกว่าสินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาดทั่วไป

“สุรพงษ์ ณรงค์น้อย” ประธาน บริษัท ชุมพร โอท็อปอินเตอร์เทรดเดอร์ จำกัด กล่าวว่า การจัดกิฟต์เซตสินค้าโอท็อปนั้นได้รวบรวมสินค้าโอท็อปที่มีคุณภาพจากทุกภาคของประเทศมาขายในราคาพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย อาหาร หัตถกรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นสินค้าในเครือข่ายเทรดเดอร์ ที่กรมพัฒนาชุมชนได้มอบหมายให้ จ.กาญจนบุรี ชุมพร สระบุรี และตรัง รวบรวมสินค้ามาจัดเป็นเซต ตอนนี้มีอยู่ประมาณ 20 กว่าเซตที่นำมาขายอยู่ในบูท นอกจากนี้ยังได้รวบรวมสินค้าจากผู้ประกอบการภายในงานกว่า 3,000 บูทมาขายตั้งแต่ราคา 39-999 บาท โดยจัดเป็นหมวดหมู่และตั้งราคาให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการ

ขณะเดียวกัน การคัดเลือกสินค้ามาจัดเซตต้องมีคุณภาพได้มาตรฐานตามเกณฑ์ และผู้ประกอบการต้องสามารถผลิตได้ตามออร์เดอร์ เนื่องจากตอนนี้สินค้าโอท็อปมียอดขายดีได้รับความนิยมค่อนข้างหลากหลาย

สำหรับการออกบูทจัดจำหน่ายสินค้าโอท็อปแบบกิฟต์เซตเกิดขึ้นมา 2 ปีแล้ว ปี 2559 ยอดเงินสะพัดอยู่ที่ 10 กว่าล้านบาท ในปี 2560 หากเทียบกันน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ยอดขายภายในงานตั้งเป้าไว้ประมาณ 18 ล้านบาท และหลังจากจบงานโอท็อปในครั้งนี้จะเป็นการจัดกิฟต์เซตเพื่อขายในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ หรือการทำสังฆทานโอท็อปในเทศกาลต่อไป

“เมื่อลูกค้ามาซื้อสินค้าภายในงาน และได้รับสินค้าที่มีคุณภาพก็บอกกันปากต่อปาก จึงมั่นใจได้ว่าสินค้านั้นมีมาตรฐาน โดยสินค้าส่วนใหญ่จัดอยู่ในมาตรฐานโอท็อประดับ 3-5 ดาว แต่สินค้าในระดับ 1-2 ดาว เราก็ไม่ได้ทิ้ง เพราะเทรดเดอร์จะไปพัฒนาแพ็กเกจจิ้ง เมื่อนำมาบรรจุภัณฑ์แล้วก็สามารถนำออกมาขายได้เช่นเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นคนไทยที่นิยมมาซื้อของฝากในเทศกาลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเป่าแก้วจากจังหวัดสมุทรปราการ กรอบพระจากพิษณุโลก ช้างเซรามิกจากนนทบุรี”

ถือเป็นการพัฒนาสินค้าโอท็อปตามคอนเซ็ปต์ของงานจากภูมิปัญญา ประชารัฐ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ นำสินค้าไปสู่ตลาดอย่างมีคุณภาพโดยแท้จริง ใครสนใจหาซื้อได้ตามเทรดเดอร์ถึงสิ้นเดือนมกราคม 2561 นี้