หมอยงคาด โควิดจะเริ่มลดลง หลังกลางเดือนตุลาคม

หมอยงคาด โควิดจะเริ่มลดลง หลังกลางเดือนตุลาคม

นพ.ยง คาดว่า โควิด 19 จะระบาดน้อยลงช่วงปลายต.ค. ซึ่งพ้นฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ พร้อมเผยแผนศึกษาหาจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริง

วันที่ 13 สิงหาคม 2565 นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กล่าวถึงแนวโน้มที่การระบาดของโรคโควิด​ 19​ จะลดลงในเดือน​ตุลาคม​ และแผนการศึกษาเพื่อหาจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริง ด้วยการตรวจดูภูมิที่บอกการติดเชื้อ (anti-nucleocapsid) ไม่ใช่ภูมิต้านทานที่บอกในการป้องกัน (anti-spike)

นพ.ยงกล่าวว่า การระบาดโควิด 19 ขณะนี้ เป็นการระบาดระลอกใหญ่ นับจำนวนไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่อาการไม่มาก ตั้งแต่มกราคมเป็นต้นมา และมาเข้าสูงสุดในช่วงฤดูฝน ตามฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ และจะเริ่มลดลงหลังเดือนกันยายน

จนกระทั่งกลางตุลาคมไปแล้วจึงจะน้อยลง (ฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจทุกปี) นักเรียนเปิดเทอม ฤดูกาลที่เหมาะ จึงยากที่จะนับยอดว่าแต่ละวันมีผู้ป่วยติดเชื้อเท่าไหร่ แต่ละบ้านก็จะติดกันจำนวนมากในบ้าน

วัคซีนกี่เข็ม ยี่ห้ออะไร ไม่มีวัคซีนเทพ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ลดความรุนแรงของโรคลง ในอเมริกาการติดเชื้อก็ไม่ได้ลดลง แต่ภาพรวมของทั่วโลกความรุนแรงลดลง

ภูมิต้านทานที่ดีที่สุดขณะนี้ คือภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากการติดเชื้อ และจะดียิ่งขึ้นคือ ภูมิต้านทานแบบลูกผสม ฉีดวัคซีนร่วมกับการติดเชื้อ น่าจะป้องกันความรุนแรงของครั้งต่อ ๆ ไปได้ดียิ่งขึ้น

การศึกษาวิจัยขณะนี้ คงจะไม่อยู่ที่ศึกษาภูมิต้านทาน หรือประสิทธิภาพของวัคซีน เพราะรู้อยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญที่ควรจะต้องรู้คือ ขณะนี้ประชากรไทย ติดเชื้อไปแล้วเท่าไหร่ (ฉีดวัคซีนไปแล้วเท่าไหร่เรารู้)

การเร่งกระตุ้นฉีดวัคซีนเข็ม 4, 5, 6 จะต้องพิจารณา (อาจจะให้ในเฉพาะกลุ่มเปราะบาง) เพราะวัคซีนแต่ละเข็มราคาไม่ถูกเลย และเป็นการฉีดวัคซีนสายพันธุ์เดิมอู่ฮั่น และถ้ามีการติดเชื้อมากแล้ว เช่น 70-80 เปอร์เซ็นต์ของประชากร

การฉีดวัคซีนต่อไป อาจรอได้ถึงปีหน้า หรือมีวัคซีนสายพันธุ์ใหม่ที่ตรงหรือใกล้เคียงกับสายพันธุ์ที่ระบาดมากที่สุด

การลงทุนด้านวัคซีน เราได้ใช้เงินเป็นจำนวนมาก ด้วยความหวังเริ่มต้นว่าวัคซีนจะยุติการระบาดของโรค

แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เราต้องการองค์ความรู้มาวางแผนในปีต่อไป ด้วยการใช้วิชาการนำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลงทุนน้อยที่สุด คุ้มค่าสำหรับประเทศไทย เราคงต้องมีข้อมูลของเราเอง ไม่ใช่เชื่อต่างชาติ

ผมและคณะที่ศูนย์ มีแผนการศึกษา ตอบคําถามว่าเวลานี้ประชากรทุกช่วงอายุติดเชื้อไปแล้วเท่าไหร่ โดยจะตรวจดูภูมิที่บอกการติดเชื้อ (anti-nucleocapsid) ไม่ใช่ภูมิต้านทานที่บอกในการป้องกัน (anti-spike) ในประชากรช่วงอายุต่าง ๆ โดยจำลองจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง

โครงการอยู่ระหว่างการดำเนินการ จะต้องหาเงินทุนมาสนับสนุน และผ่านคณะกรรมการจริยธรรมโดยเร็ว ถือเป็นงานท้าทาย เร่งด่วน ที่จะใช้วางแผน หลังการระบาดรอบใหญ่ของ covid 19 ที่จะผ่านไป เพื่อปีต่อไป จะได้มีการวางแผนที่ถูกต้อง