CRC ผ่าแผนรุกเวียดนาม 5 ปี ลงทุน 5 หมื่นล้านบาท ดันยอดขายทะลุแสนล้านบาท

CRC ปักหมุดค้าปลีกเวียดนาม เปิดแผน 5 ปี ลงทุน 5 หมื่นล้านบาท ปูพรมแบรนด์ GO! -ท็อปส์-เหงียนคิม เป็น 600 สาขาทั่วประเทศ ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 1.5 แสนล้านบาท ภายในปี 2570

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นที่เซ็นทรัล รีเทล เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนามเมื่อปี 2555 เนื่องด้วยมองเห็นเวียดนามเป็น Key market จากศักยภาพของประเทศที่มีความพร้อมในหลายด้าน และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นเราจึงเดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามอย่างเต็มกำลังตลอด 11 ปีที่ผ่านมา จากจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าแฟชั่นที่มีเพียงไม่กี่สาขา

ปัจจุบันเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม มีจำนวนร้านค้ามากกว่า 340 แห่ง พื้นที่รวมกว่า 1,200,000 ตารางเมตร ใน 40 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งคิดเป็น 85% ของ GDP เวียดนาม และสร้างยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด จาก 300 ล้านบาท ในปี 2557 สู่ยอดขาย 38,592 ล้านบาท ในปี 2564

และล่าสุดปี 2565 ยอดขายในเวียดนามมีสัดส่วนถึง 25% ของยอดขายทั้งหมดของเซ็นทรัล รีเทล ส่งผลให้ เซ็นทรัล รีเทล กลายเป็นผู้นำค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนามที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ด้านไฮเปอร์มาร์เก็ต และอันดับ 2 ด้านศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ เพราะฉะนั้นคอนเซ็ปต์ของเราคือเราจะสร้าง community destination ให้คนมาใช้ชีวิต

สำหรับโรดแมป 5 ปี ของเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม เรายังคงเดินหน้าเตรียมขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ สอดรับกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่มีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าอัดงบลงทุน 5 ปี ในเวียดนามอีกกว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อสร้างยอดขาย 150,000 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนร้านค้าเป็น 600 สาขา ครอบคลุมทั้งสิ้น 57 จังหวัด จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ เพื่อก้าวเป็นเบอร์ 1 ด้านออมนิชาแนลในกลุ่มฟู้ด และอันดับ 2 ในกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ของเวียดนาม ภายในปี 2570

ด้าน มร.โอลิวิเยร์ แลงเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม กล่าวว่า ภาพรวมการเติบโตของประเทศเวียดนามแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนและไม่แน่นอน โดยในปีนี้คาดว่า GDP เวียดนาม จะโตอยู่ที่ 6.7% ซึ่งขยายตัวสูงเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประกอบกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของจำนวนประชากรในเมือง การขยายตัวของโมเดิร์นเทรด อัตรานักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการเติบโตและการใช้ชีวิตของคนเมือง จึงเป็นสัญญาณบวกที่ทำให้เซ็นทรัล รีเทล ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชาวเวียดนามได้อย่างครอบคลุม

โดย 3 กลุ่มธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ในเวียดนาม ประกอบด้วย 1. กลุ่มฟู้ด ได้แก่ GO! ไฮเปอร์มาร์เก็ต รวม 38 สาขา, ท็อปส์ มาร์เก็ต รวม 10 สาขา, Mini go! ซูเปอร์มาร์เก็ต รวม 3 สาขา และลานชี มาร์ท รวม 24 สาขา 2. กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ได้แก่ ศูนย์การค้า GO! รวม 39 สาขา และ 3. กลุ่มน็อนฟู้ด ได้แก่ เหงียนคิม ซูเปอร์สปอร์ต คุโบ และโรบินส์

ทั้งนี้ ปี 2566 เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ทุ่มงบลงทุนอีกกว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อขยายอาณาจักรให้ครอบคลุมทั่วประเทศเวียดนาม โดยมีแผนธุรกิจดังนี้

1. สร้างการเติบโตธุรกิจกลุ่มฟู้ดครอบคลุมทั่วประเทศ ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ไฮเปอร์ มาร์เก็ต ด้วยการรีแบรนด์และรีโนเวท GO! ไฮเปอร์มาร์เก็ต รวม 10 สาขา พร้อมทั้งขยายท็อปส์ มาร์เก็ต และ Mini go! เพิ่มขึ้น 8-10 สาขา เพื่อรองรับผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ตลอดจนเสริมแกร่งกลุ่มอาหาร Fresh และ Non-Food เพื่อดึงดูดทราฟฟิกผู้บริโภคใหม่ให้เพิ่มมากขึ้น

2. สร้างความแข็งแกร่งธุรกิจกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ โดยรีโนเวทศูนย์การค้า GO! รวมทั้งสิ้น 10 สาขา ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และเตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกในอนาคต พร้อมทั้งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าด้วยร้านค้าในศูนย์ฯ ที่มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

3. ยกระดับและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของเหงียนคิม ด้วยการรีโนเวทร้านเหงียนคิม รวม 10-12 สาขา และขยายร้านเหงียนคิมอีก 3-5 สาขา ทั้งแบบ Standalone และขยายเข้าไปในศูนย์การค้า GO! เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร

4. พัฒนา Loyalty Platform เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการกว่า 66 ล้านคน ยกระดับ Loyalty Platform ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะเข้าใจอินไซด์ของลูกค้า และมอบสินค้าและบริการที่ตรงใจ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของ The 1 มาช่วยพัฒนาแพลตฟอร์มให้ดีขึ้น

นายญนน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เซ็นทรัล รีเทล ไม่เพียงสร้างการเติบโตทางธุรกิจ แต่เรายังได้เข้าไปยกระดับชุมชน สังคม และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวเวียดนามในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สนับสนุนเกษตรกรในชุมชน ทำให้เกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 40%

ไปจนถึงการทุ่มงบมากกว่า 10 ล้านบาท ในการสร้างโรงเรียนให้กับเด็กชาวเวียดนาม และการเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือและเคียงข้างประชาชนชาวเวียดนามในช่วงวิกฤตโควิด-19 ด้วยยอดเงินบริจาครวมมากกว่า 20 ล้านบาท

ขณะเดียวกันเรายังเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ผ่านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น Vietnamese Week in Thailand ที่จัดต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 5 ปี และการจัด Business Matching ภายในงาน เพื่อสนับสนุนการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่าง 2 ประเทศ รวมไปถึงการลงนาม MOU ของสมาคมค้าปลีกไทยและเวียดนาม

ทั้งยังนำความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสอดแทรกเข้าในทุกมิติ อาทิ การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาศูนย์การค้า GO! รวม 20 สาขา การติดตั้งสถานีบริการชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในศูนย์การค้า และลดการใช้ถุงพลาสติกครั้งเดียวทิ้ง สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่จะเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2593 ตามเป้าหมายที่เซ็นทรัล รีเทล วางไว้

“ด้วยความมุ่งมั่นของเราในการทำธุรกิจ ควบคู่ไปกับการยกระดับสังคมและชุมชน ทำให้ธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทลในเวียดนาม เติบโตมาอย่างยั่งยืน และได้รับการยอมรับจากชาวเวียดนาม รวมถึงได้รับการสนับสนุนอันดีจากรัฐบาลเวียดนามมาโดยตลอด

ซึ่งเราจะยังคงทำเพื่อสังคมและประชาชนชาวเวียดนามต่อไป เพราะเจตนารมณ์ของเรา คือ การสร้างความเจริญและเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกที่ที่เราเข้าไปทำธุรกิจ” นายญนน์ กล่าวปิดท้าย