วัดกำลังยักษ์ค้าส่ง หลังเซ็นทรัลส่ง GO Wholesale ร่วมชิงตลาด 3 ล้านล้านบาท
วันที่ 16 กันยายน 2566 การเปิดตัว GO Wholesale ธุรกิจค้าส่งอาหารของเครือเซ็นทรัลฯ ภายใต้บริษัทลูก เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด พร้อมการทุ่มสุดตัวทั้งงบฯ กว่า 2 หมื่นล้านบาท การสปีดสาขาแบบรายเดือนตามเป้า 50 สาขา ใน 5 ปี และยุทธศาสตร์ที่สร้างมารับมือการแข่งขัน ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในวงการค้าส่งอาหาร หรือฟู้ดเซอร์วิส
ทั้งนี้เดิมวงการค้าส่งอาหารของไทยมีผู้เล่นรายใหญ่ 2 รายคือ แม็คโคร ของเครือซีพี ซึ่งมีโมเดล Makro Food Service กับ บิ๊กซี จากเครือบีเจซี ที่มีโมเดล Big C Food Service โดยแต่ละรายต่างมีจุดเด่นสำหรับดึงดูดลูกค้าแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น สิทธิประโยชน์สมาชิก การสะสมแต้มและส่วนลด โปรโมชั่น การส่งสินค้า ฯลฯ
เซ็นทรัล เน้นอุดช่องว่างตลาด
สำหรับ GO Wholesale มุ่งชูบริการที่จะอุดช่องว่างในตลาด ไม่ว่าจะเป็นการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตทุกธนาคาร ไลน์อัพสินค้าจากหลากหลายแบรนด์ รวมถึงบริการที่มุ่งตอบโจทย์ของกลุ่มลูกค้าหลักซึ่งเป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับอาหาร เช่น บริการตัดแต่ง-ปรุงวัตถุดิบตามสั่ง นโยบายให้ทีมงานติดต่อแนะนำสินค้า-โปรโมชั่นใหม่ให้สมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการ
ด้านระบบสะสมแต้มจะเชื่อมเข้ากับระบบสมาชิก The 1 ด้วยอัตรายอดซื้อ 100 บาทต่อ 1 คะแนน และขณะนี้มีโปรโมชั่นแลก 800 คะแนนเป็นคูปองเงินสดมูลค่า 100 บาท รวมถึงสามารถสะสมและแลกคะแนนเป็นส่วนลด-สิทธิประโยชน์อื่นจากธุรกิจในเครือเซ็นทรัลได้เช่นเดียวกับสมาชิก The 1 ปกติ
นอกจากนี้จะมีแอปฯ สำหรับสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ หรือสั่งล่วงหน้าได้ โดยมีค่าจัดส่งสินค้า 50- 100 บาท ตามระยะทาง และส่งฟรีเมื่อมียอดซื้อตามกำหนด อย่างไรก็ตามจะมีการจำกัดระยะทางที่สามารถส่งสินค้าได้ด้วย
อย่างไรก็ตามการจะช็อปที่ GO Wholesale ต้องสมัครสมาชิกก่อนเท่านั้น โดยสามารถสมัครได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งทางเซ็นทรัลให้เหตุผลว่าเป็นเพราะต้องการอินไซต์ของลูกค้าเพื่อรับปรุงการบริการให้ตอบโจทย์อย่างตรงจุดอยู่เสมอ
แม็คโคร ลุยโมเดลใหม่
ด้าน Makro Food Service นั้นปัจจุบันมีสาขาทั้งใน กทม. และต่างจังหวัดรวมกันมากถึง 53 สาขา รวมถึงยังเดินหน้าขยายต่อเนื่อง โดยลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก แต่หากต้องการสามารถสมัครได้ฟรี
ส่วนการสะสมคะแนนจะเป็น Makro Pro ซึ่งมีอัตรายอดซื้อ 1,000 บาท ต่อ 1 คะแนน โดย 1 คะแนนสามารถใช้เป็นส่วนลดได้ 1 บาท ซึ่งจะมีการจัดแคมเปญแจกคะแนนเพิ่มเมื่อซื้อครบตามเงื่อนไข เช่น ซื้อสินค้าที่กำหนดครบ 2,799 บาท รับเพิ่ม 150 คะแนน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในสาขานั้นยังรองรับเพียงบัตรของธนาคาร UOB และ Citibank เท่านั้น
สำหรับการช้อปออนไลน์สามารถซื้อผ่านแอปฯ Makro Pro หรือเว็บไซต์ https://www.makro.pro/ ได้ซึ่งมีบริการส่งฟรีเมื่อซื้อครบ 3,000 บาท ส่วนยอดซื้อ 999-2,999 บาท จะมีค่าส่ง 99 บาท และหากยอดซื้อต่ำกว่า 99 บาท ไม่สามารถใช้บริการส่งได้
นอกจากนี้ ซีพี แอ็กซ์ตร้า บริษัทแม่ของ แม็คโครยังเตรียมเผยโฉมร้านค้าส่งโมเดลใหม่ “Hybrid Wholesale” ซึ่งทางบริษัทระบุว่า จะรวมจุดแข็งด้านไลน์สินค้าสำหรับค้าส่งของแม็คโคร กับรูปแบบศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ของโลตัส มอลล์ เข้าด้วยกัน โดยไม่กำหนดเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
บิ๊กซี สปีดสาขา-จัดส่งพิเศษ
ในส่วนของ Big C Food Services ปัจจุบันมี 6 สาขา ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกเช่นกัน แต่หากสมัครสมาชิกซึ่งสมัครได้ฟรี
ทั้งนี้แม้จะระบบสมาชิกจะไม่เชื่อมโยงกับ BIG POINT และไม่มีการสะสมคะแนนของตัวเอง แต่สามารถสะสมยอดซื้อ 1 หมื่นบาท ภายใน 2 เดือนเพื่อแลกส่วนคูปองลด ซึ่งเริ่มต้นที่ 150 บาท ได้ โดยสามารถเช็คอัตรแลกคูปองที่ป้ายประกาศในแต่ละสาขา
ด้านการช็อปออนไลน์สามารถซื้อผ่านเว็บไซต์ https://www.foodservices.bigc.co.th/ และทางโทรศัพท์, LINE ได้ โดยการส่งสินค้าแบบพื้นฐานจะแบ่งเป็นส่งปกติ 60 บาท และส่งด่วนในวันเดียวกัน 99 บาท ทั้งนี้จะต้องมียอดซื้อขั้นต่ำ 800 บาท
อย่างไรก็ตามจะมีโปรโมชั่นด้านการส่งเป็นระยะ เช่น ส่งด่วนใน 2 ชั่วโมง เมื่อซื้อสินค้าที่กำหนดครบ 2,000 บาท/ใบเสร็จ และระยะทางไม่เกิน 12 กิโลเมตร จากสาขา หรือส่งฟรีเมื่อซื้อสินค้าตามเงื่อนไขครบ 2,000 บาท/ใบเสร็จ เป็นต้น
โดยบิ๊ก ซี เร่งขยายสาขาต่อเนื่อง ด้วยเป้ามีสาขาครบ 8 สาขาในสิ้นปี 2566 นี้ จากปัจจุบันมี 6 สาขา ควบคู่กับบริการจัดส่งแบบพิเศษต่าง ๆ หวังตอบโจทย์ความสะดวกของลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ