แฟชั่นหรู…เปิดศึกดึงลูกค้า หั่นราคาชนเกรย์มาร์เก็ต

ค่ายแฟชั่นหรู “คลับ 21” เขย่าตลาดครั้งใหญ่ หั่นราคาดับเครื่องชนเกรย์มาร์เก็ต เจรจาบริษัทแม่ปรับราคาสินค้าเท่าต่างประเทศ พร้อมการันตีเซอร์วิสหลังการขาย นำร่อง 3 แบรนด์ดัง อิซเซ่ มิยาเกะ-ฟิลิป ลิม-โพเอนซ่า ดึงนักช็อปไม่ต้องบินไปซื้อเมืองนอก 

ภาษีนำเข้าที่สูงลิบของสินค้าลักเซอรี่ที่นำเข้ามาขายในไทย กลายเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อย หันไปซื้อจากช่องทางอื่น ๆ ที่มีราคาถูกกว่าการซื้อจากในช็อปของตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธิ์นำเข้าอย่างเป็นทางการจากแบรนด์นั้น ๆ ทั้งการบินไปซื้อยังต่างประเทศด้วยตัวเอง หรือซื้อผ่านร้านค้าแบบเกรย์มาร์เก็ต ที่จะต้องมาวัดใจว่าสินค้าดังกล่าวจะเป็นของแท้ 100% หรือไม่ อีกทั้งบริการหลังการขายต่าง ๆ ที่ไม่ครอบคลุม แต่ราคาที่ยั่วใจก็ยังเป็นปัจจัยหลักที่นักช็อปให้ความสำคัญ

ความเคลื่อนไหวล่าสุด แบรนด์ดังแฟชั่นหรูได้แก้เกมด้วยการปรับราคาลงเพื่อให้เทียบเท่ากับช็อปในต่างประเทศ ไม่เพียงเพื่อแก้ปัญหาสินค้าหิ้ว แต่ยังช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ได้อีกทางรายงานจากบริษัท คลับ 21 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นหรู อาทิ บาลองเซียก้า, พอล สมิท, มัลเบอรี่, อิซเซ่ มิยาเกะ, จิออจิโอ อาร์มานี, กอมเดการ์ซง ฯลฯ ระบุถึงการปรับราคากระเป๋าแฟชั่นหรูแบรนด์ “ฟิลิป ลิม” (Philip Lim) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ 3 หลังจากคลับ 21 มีนโยบายทำราคาให้สามารถแข่งขันได้กับตลาดเพื่อนบ้านอย่าง ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ รวมถึงเกรย์มาร์เก็ต โดยร้านค้าที่นำเข้าอย่างไม่เป็นทางการ และไม่เสียภาษี ทำให้ขายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าหน้าร้านได้

โดยบริษัทได้ทำการปรับราคาแบรนด์ฟิลิป ลิม ทั้งหมด 2 รุ่น ลดลง 4,000 บาท ได้แก่ รุ่น Pashli Mini จาก 33,900 บาท เหลือ 29,900 บาท และ Pashli Medium จาก 43,900 บาท เหลือ 39,900 บาท

ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ปรับราคาของกระเป๋าแบรนด์ “เบา เบา อิซเซ่ มิยาเกะ” (BAO BAO ISSEY MIYAKE) ทุกรุ่น ทุกแบบ ให้มีราคาเท่ากับช็อปในประเทศญี่ปุ่น หรือลดลงประมาณ 10% จากราคาเดิมประมาณ 2,000-9,000 บาท ขึ้นอยู่กับสินค้า ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมเป็นต้นมา

เช่น รุ่นยอดฮิต Lucent Basic 6×6 ลดจาก 13,900 บาท เหลือ 10,900 บาท รุ่น Platinum Clutch ลดจาก 29,900 บาท เหลือ 23,900 บาท รุ่น Lander Matte ลดจาก 39,900 บาท เหลือ 30,900 บาท รวมถึงจะมีการนำรุ่นใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้นกว่าเดิม โดยลูกค้าที่ซื้อในช็อปจะได้รับเซอร์วิสหลังการขายต่าง ๆ รวมถึงการรับประกันสินค้าเป็นเวลา 1 ปี ผ่านสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด 4 แห่ง รวมถึงการสั่งซื้อในช่องทางออนไลน์ที่มีบริการจัดส่งทั่วประเทศภายในเวลา 2 วัน

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กของคลับ 21 (ประเทศไทย) ยังให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกว่า การปรับราคาในครั้งนี้ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อกระเป๋าทุกรุ่นได้เหมือนซื้อที่ญี่ปุ่นและการันตีว่าลูกค้าจะได้ของแท้ 100% โดยไม่ต้องไปซื้อในช่องทางร้านค้าพรีออร์เดอร์ จากผู้นำเข้าที่ไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือเกรย์มาร์เก็ต

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ คลับ 21 ได้ปรับโครงสร้างราคาของกระเป๋าหรู “โพรเอนซา สคูลเลอร์” นำร่องเป็นแบรนด์แรก โดยเฉลี่ยราคาจะลดลงจากเดิม 15-20% คิดเป็นมูลค่าตั้งแต่ 7,000-16,700 บาท อาทิ รุ่น PS1 Pouch จากราคา 49,800 บาท ปรับเป็น 42,800 บาท และรุ่น PS1 Extra Large จาก 99,500 บาท ปรับเป็น82,800 บาท (ราคา ณ ปี 2558)

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในช่วงที่ผ่านมาสินค้าหรูหลายแบรนด์ต้องเผชิญกับการที่ลูกค้าแห่ออกไปซื้อต่างประเทศ และซื้อจากร้านพรีออร์เดอร์ เพราะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าที่สูงถึง 30-40% ทำให้ราคาในช่องทางดังกล่าวต่ำกว่าที่หน้าร้านหลายพันบาท ไปจนถึงหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับราคาของสินค้า โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่า การซื้อจากต่างประเทศจะได้ราคาถูกกว่าเดิมค่อนข้างมาก

แหล่งข่าวจากวงการค้าปลีกและลักเซอรี่แบรนด์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การตัดสินใจปรับราคาลงของเบา เบา อิซเซ่ มิยาเกะ สามารถทำได้ เนื่องจากคลับ 21 ได้ไปเจรจาต่อรองกับบริษัทแม่ของอิซเซ่ฯ เพื่อทำให้โครงสร้างราคาของประเทศไทยสามารถแข่งขันกับตลาดอื่น ๆ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นได้เพราะปัจจุบันคนไทยบินไปท่องเที่ยวและช็อปปิ้งที่ญี่ปุ่นจำนวนมาก และเบา เบา ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มักจะซื้อติดมือกลับมา หรือร้านที่รับหิ้วจากเมืองนอก โดยอาศัยช่องว่างที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ทำให้ราคาค่อนข้างถูกกว่าซื้อที่ช็อปไทย ขณะเดียวกันค่าเงินบาทที่กำลังแข็งค่าอยู่ในขณะนี้ก็เอื้อให้บริษัทสามารถทำราคาต่ำลงมาจากเดิมได้

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของผู้นำเข้าแบรนด์ลักเซอรี่ค่ายอื่น ๆ แม้จะไม่มีการประกาศอย่างชัดเจนว่ามีการปรับราคาให้เท่ากับร้านที่ประเทศอื่น ๆ อย่างฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นฮับของการช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ด้วยอัตราภาษีนำเข้าที่ลดเหลือ 0% แต่ก็มีการปรับโครงสร้างสินค้าให้ใกล้เคียงเพื่อความสามารถในการแข่งขัน เช่น กลุ่มบริษัทเอ-ลิส คอร์ปอเรท ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์จิมมี่ ชู, โคลเอ้, วาเลนติโน ฯลฯ ที่พยายามทำให้ราคาของสินค้าต่างจากตลาดฮ่องกงไม่เกิน 8% และเมื่อรวมกับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ


สำหรับสมาชิกแล้วก็จะได้ราคาที่ลดลงไปอีก หรือกลุ่มพีพี กรุ๊ป ที่เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ลองชอมป์, ทอรี่ เบิร์ช, โลเอเว่ ฯลฯ ก็พยายามปรับตัวสู้กับราคาในต่างประเทศ แต่ก็ยังมีราคาสูงกว่าในฮ่องกงและสิงคโปร์ผู้บริหารระดับสูงจากแบรนด์ลักเซอรี่รายนี้มองว่า แม้หลายแบรนด์จะเสียส่วนแบ่งการตลาดไปบ้างให้กับตลาดรับหิ้ว หรือขายของออนไลน์ แต่กลุ่ม วี.ไอ.พี.ที่เป็นลูกค้าหลัก มีกำลังซื้อสูงนั้นได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวให้ความสนใจกับบริการทั้งก่อนและหลังการขายมากกว่าราคาของสินค้า