เซ็นทรัล ทุ่ม 1.21 แสนล้าน รีโนเวตห้าง 6 สาขา

Central Krabi

เซ็นทรัล พัฒนา ประกาศแผนลงทุน 5 ปี (2567-2571) วางงบฯ 121,000 ล้านบาท เตรียมเปิด 13 โครงการใหม่ พร้อมเดินหน้าปรับโฉม 6 โครงการ “เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า-บางนา-แจ้งวัฒนะ-รัตนาธิเบศร์-พัทยา-มารีน่า” เพื่อสร้างแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว-รองรับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง รวมถึงเตรียมพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสจำนวน 5 โครงการ ปี 2567 ประเดิมโครงการแรก “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” กันยายนนี้

วันที่ 14 มีนาคม 2567 นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา เซ็นทรัล พัฒนา สร้างสถิตินิวไฮ โกยรายได้ 46,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 26%

รวมถึงด้านทราฟฟิกศูนย์การค้าและยอดขายร้านค้าที่ดีกว่าเป้าหมาย สามารถมอบเงินปันผลสูงที่สุด อีกทั้งการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPNREIT ทำรายได้เพิ่มขึ้น 16% และให้อัตราผลตอบแทน (Yield) 10% อีกด้วย

สำหรับทิศทางการดำเนินงานจากนี้ไป เซ็นทรัลพัฒนายังคงวางแผนระยะยาวในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในแผน 5 ปีตั้งแต่ปี 2567-2571 วางแผนลงทุนทั้งสิ้น 121,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2567 นี้ จะมีโครงการที่เปิดให้บริการใหม่ทั้งสิ้น 13 โครงการ

ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์ และเซ็นทรัล นครปฐม, โครงการที่อยู่อาศัย 10 โครงการ และโรงแรมแห่งใหม่ที่ระยอง โดยจับมือกับ International Chain ระดับโลก ทำให้ในภายในปี 2567 จะมีโครงการศูนย์การค้า 42 โครงการ, คอมมิวนิตี้มอลล์ 17 โครงการ, ที่อยู่อาศัย 43 โครงการ, โรงแรม 10 โครงการ, และออฟฟิศ 10 โครงการ

“ปัจจุบันเรามีโครงการมิกซ์ยูส 20 โครงการ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ขยายเพิ่มที่อุบลราชธานี, พระนครศรีอยุธยา, ชลบุรี, ศรีราชา, หาดใหญ่ ขณะเดียวกันในช่วงต้นปีก็มีขยายเพิ่มไปแล้วที่ นครสวรรค์ ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาด และในวันที่ 30 มีนาคม นี้ก็เตรียมจะเปิดที่ นครปฐม อีกด้วย”

อย่างไรก็ตาม นอกจากจังหวัดข้างต้นแล้ว ก็ยังคงมีแผนเดินหน้าขยายทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ เพิ่มเช่นเดียวกัน อาทิ นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี และกระบี่ที่จะเตรียมเปิดในปี 2568 เป็นต้น ทำให้ปี 2568 จะมีโครงการมิกซ์ยูสเป็น 25 โครงการ

“การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ จะยิ่งช่วยสร้าง Impact ในวงกว้างได้ สร้างเงินสะพัด ยกระดับคุณภาพชีวิต ช่วยกระจายรายได้ในจังหวัด พร้อมเชิดชูอัตลักษณ์ไทย สร้างเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้น GDP และเศรษฐกิจประเทศ”

ด้านนายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล Chief Development and Commercial Officer บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ในบทบาท Place Making บริษัทไม่เคยหยุดนิ่งและพยายามสร้างสรรค์ ‘พื้นที่ใหม่ ๆ’ เพื่อมุ่งมั่นพัฒนาโปรเจ็กต์ที่ดีและสร้างประโยชน์ในวงกว้างให้ประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นการริเริ่ม Centre of Life และสร้าง New District อย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายใน 5 ปีนับจากนี้จะมีการลงทุน Asset Enhancement อยู่ที่ประมาณ 23,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาและปรับโฉมศูนย์การค้าใหม่

โดยในปีนี้ มีแผนจะปรับศูนย์การค้าแบบ turnaround ทั้งหมด 6 ศูนย์การค้า ปักหมุดรอบทิศกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คือ ‘เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า’ เติมเต็มไลฟสไตล์โซนปิ่นเกล้า รองรับกำลังซื้อที่สูงขึ้น, ‘เซ็นทรัล บางนา’ District Transformation จับกลุ่มลูกค้า Top Tier ย่านบางนา, ‘เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ’ สร้าง Concept Mall ใหม่ตอบโจทย์ Eco Art Lifestyle และ ‘เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์’ Build New Lifestyle Landmark ยิ่งใหญ่ ครบครันที่สุดในย่านสำหรับเมื่องท่องเที่ยวใหญ่

ขณะเดียวกัน ก็เตรียมปรับโฉม ‘เซ็นทรัล พัทยา’ เพื่อรองรับกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก และ ‘เซ็นทรัล มารีน่า’ ที่จะปรับเป็น Outlet Format เนื่องจากมองเห็นโอกาสจากพฤติกรรมการช็อปของนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังเตรียมสร้างปรากฏการณ์พัฒนาโครงการ “The World’s New Magnitude” ซึ่งจะมีความสำคัญในระดับโลก โดยมองว่ากรุงเทพฯ ยังมีโอกาสที่จะขยายย่านการค้าและธุรกิจได้อีกหลายมุมเมืองเหมือนโมเดลเมืองใหญ่ทั่วโลก จึงมีแผนจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสจำนวน 5 โครงการ มีพื้นที่ทุกโครงการรวมกันกว่า 2.2 ล้าน ตร.ม.

โดยสำหรับในปีนี้ประเดิมโครงการแรกด้วย ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค โครงการมิกซ์ยูสระดับโลก Retail Re : Imagined ซึ่งจะทยอยเปิดตั้งแต่โรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่เดือน ก.ย. ปีนี้ ส่วนอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า Central Park เปิดกลางปี 2568

“ซึ่งแต่ละโครงการที่มีแผนจะพัฒนาจะอยู่บน Super Prime Locations รอบกรุงเทพฯ ที่จะตั้งอยู่บนถนนใหญ่ และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า ซึ่งแต่ละโครงการจะเป็น Flagship ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในอนาคต และจะเป็น Landmark ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก” นายชนวัฒน์กล่าว