ซีพี แอ็กซ์ตร้า โตแกร่ง Q1/67 กวาดรายได้ทะลุ 1.2 แสนล้าน กำไรพุ่ง 15%

ซีพี แอ็กซ์ตร้า โตแกร่งไตรมาส 1 ปี 2567 กวาดรายได้ทะลุ 1.2 แสนล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% พร้อมประกาศเตรียมเดินหน้าขยายสาขา-ปรับโฉมสาขาใหม่ หวังสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดตามกลยุทธ์ที่วางไว้

วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 (เดือนมกราคม-มีนาคม) เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมียอดรายได้รวม 127,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ซึ่งผลมาจากการเติบโตของยอดขายภายในสาขาเดิม โดยเฉพาะจากการขายออนไลน์และการขายนอกร้าน พร้อมการส่งสินค้าถึงลูกค้า และการขยายสาขาใหม่ที่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่น

ตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย 17%

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าสร้างการเติบโตของรายได้ปี 2567 อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตผ่านทุกช่องทางจำหน่าย ไม่ว่าจะทั้งยอดขายทาง Omni Channel ที่ตั้งเป้ามุ่งเพิ่มสัดส่วนเป็นอย่างน้อย 17% ของยอดขายรวมในปีนี้ โดยจะเน้นเพิ่มความหลากหลายของสินค้า พัฒนาบริการ และการขยายพื้นที่ให้บริการ

รวมถึงใช้จุดแข็งด้านเครือข่ายของทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกรวมกว่า 2,600 สาขาทั่วประเทศ เป็นจุดกระจายและจัดส่งสินค้า พร้อมกับการพัฒนาทีมนักขายนอกร้าน เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการได้อย่างครบวงจร

Advertisment

รุกขยายสาขา-ปรับโฉมใหม่

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการขยายสาขาใหม่ และปรับโฉมสาขาทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่ในห้างค้าส่งและค้าปลีกให้เป็นศูนย์กลางชุมชน รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัย เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละท้องถิ่น

รวมถึงบริษัทยังคงเดินหน้าผนึกจุดแข็งด้านอาหารสดของบริษัทและบริษัทย่อยอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นการพัฒนาสินค้ากลุ่มอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมทาน รวมทั้งสร้างความแตกต่าง และเพิ่มกำไรด้วยการขยายสัดส่วนยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท

อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มบริษัท หลังจากได้รับมติอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว คาดว่าธุรกรรมทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2567

ซึ่งการควบบริษัทครั้งนี้ ตั้งเป้าสร้างยอดขายและอัตรากำไรที่ดีขึ้น รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอแก่ผู้ถือหุ้น พร้อมสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

Advertisment