“NEO” รุกหนักต่างประเทศ นำร่องดีนี่ขยายตลาดใหม่

D-nee

NEO กางแผน 5 ปี เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ เตรียมส่งแบรนด์ “ดีนี่” เจาะเอเชียใต้-ตะวันออกกลาง พร้อมเร่งขยายกำลังผลิต-พัฒนาสินค้าใหม่ เน้นชู Innovation-led Premiumization หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้กลุ่มพรีเมี่ยมแมสเป็น 10% ของพอร์ต วางเป้า 5 ปี เติบโตดับเบิลดิจิตทุกปี

นางปัทมา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการพาณิชย์ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) ผู้ทำการตลาด ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายทะลุ 2,494 ล้านบาท เติบโต 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 269 ล้านบาท เติบโต 72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เป็นผลจากการเดินหน้านำเสนอนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ใหม่ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น และมุ่งขยายสินค้าในพอร์ตโฟลิโอกลุ่มระดับแมสไปสู่ระดับพรีเมี่ยมแมสในช่วงที่ผ่านมา

“โดยบริษัทสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้นทั้ง ผลิตภัณฑ์ซักผ้า เติบโต 31.0% ขณะที่ตลาดเติบโต 19.5% ผลิตภัณฑ์โรลออน เติบโต 35.7% ส่วนตลาดเติบโต 12.9% และผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก เติบโต 10.4% ตลาดเติบโต 7.6% โดยมีสัดส่วนรายได้แบ่ง 3 กลุ่ม Household 40% Personal Care 26% Baby & Kids 34%”

ขณะที่ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2567) มีรายได้จากการขายรวม 4,966 ล้านบาทเติบโต 9% และกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 537 ล้านบาท เติบโต 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเซ็กเมนต์ที่เติบโตมากที่สุด คือ Personal Care 18.2% และ Baby & Kids 13.1%

นางปัทมากล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เพื่อสร้างการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทจึงวางแผนยกระดับกระบวนการผลิตและขยายกำลังการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก

ADVERTISMENT

“โดยคาดจะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 400,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ประมาณ 230,000 ตันต่อปี”

ขณะเดียวกัน บริษัทจะยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์และทุกช่วงวัย เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะทาง ที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสร้างความพึงพอใจได้อย่างตรงจุด

ADVERTISMENT

โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์ Innovation-led Premiumization ที่มีนวัตกรรมเป็นตัวนำ ทั้งนวัตกรรมการช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นยาวนานพิเศษ นวัตกรรมการกำจัดกลิ่นเฉพาะตัวของผู้สูงวัย (Silver Age) และการนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบ Pet Friendly สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงในที่อยู่อาศัย เป็นต้น

โดยวางเป้าหมายภายใน 3 ปี (2567-2569) สัดส่วนรายได้ของผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมแมสจะเพิ่มเป็น 10% ของพอร์ตโฟลิโอ
“จากแผนการเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและออกผลิตใหม่ในช่วงไตรมาส 1 ที่มีสินค้ากว่า 23 SKUs และไตรมาส 2 ที่มีสินค้าอยู่ 62 SKUs ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรีเมี่ยมแมส คาดว่าจะเข้ามาช่วยท็อปอัพยอดขายในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เติบโตระดับดับเบิลดิจิตอย่างแน่นอน”

นางปัทมาอธิบายต่อว่า จากที่มีการคาดการณ์ว่าระหว่างปี 2566-2568 ตลาดผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนจะเติบโตเฉลี่ย 9% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลในตลาดเอเชียใต้ จะเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 8.0% ส่วนตะวันออกกลาง และแอฟริกา เติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 15.1%

บริษัทจึงเล็งเห็นถึงโอกาสนำไลน์ผลิตภัณฑ์รุกเข้าไปในตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น

โดยบริษัทตั้งเป้าจะขยายฐานประเทศใหม่เพิ่มจาก 16 ประเทศในปี 2566 เป็นมากกว่า 28 ประเทศในปี 2571 และคาดการณ์สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มจาก 10% เป็นมากกว่า 15% ในปี 2571 ซึ่งแผนธุรกิจ 5 ปี (2567-2571) ในส่วนของตลาดต่างประเทศจะใช้สินค้าอุปโภคทั้งหมด 8 แบรนด์ จาก 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ เป็นสินค้านำร่องภายใต้กลยุทธ์ Dual Tracks

ไม่ว่าจะเป็นการขยายการเติบโตในประเทศเป้าหมายเดิม ด้วยการนำเสนอสินค้าประเภทใหม่ จากทั้งแบรนด์เดิมและแบรนด์ที่ยังไม่ได้ส่งเข้าทำการตลาด ตลอดจนมุ่งขยายไปยังประเทศอื่นที่มีศักยภาพเพิ่มเติม

รวมถึงการขยายไปยังเซ็กเมนต์ใหม่ที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตสูง เช่น เซ็กเมนต์ผู้สูงวัย ที่บริษัทเป็นเจ้าแรกในตลาด พร้อมกับส่งมอบนวัตกรรมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค พร้อมชูกลยุทธ์ Innovation-led Premiumization ที่มีนวัตกรรมเป็นตัวนำในการนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงการบุกขยายพื้นที่การขายให้ครอบคลุมมากที่สุด

“ซึ่งเบื้องต้นจะนำสินค้าแบรนด์ดีนี่ นำร่องไปเปิดตลาดในประเทศใหม่ ๆ เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงสุดในกลุ่มส่งออก โดยมีรายได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ”

โดยตลาดใหม่ที่บริษัทจะเข้าไป คือ เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง ซึ่งจะโฟกัสไปที่โมเดิร์นเทรด และเทรดดิชั่นนอลเทรด ปัจจุบันเริ่มเจาะตลาดเข้าไปได้บ้างแล้ว อาทิ กาตาร์ บาห์เรน ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน รวมถึงยังมีอีก 2 ประเทศในตะวันออกกลางที่กำลังเจรจาอยู่

อย่างไรก็ตาม จากแผนการขยายฐานตลาดใหม่ ๆ ภายในปี 2567-2571 คาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายต่างประเทศกลับมาโตดีขึ้น โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่เพียง 12%