
แบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติอังกฤษโบกมือลาไทยทุกสาขา หลังบริษัทยื่นล้มละลายเมื่อปีที่แล้ว ให้บริการถึงวันที่ 31 มกราคม 2568
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2519 แอนนิต้า ร็อดดิกค์ ต้องการหาเงินเลี้ยงครอบครัวจึงนำไอเดียมาจากร้านเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมในธรรมชาติ กลายมาเป็นร้านเครื่องสำอางชื่อ The Body Shop ที่นำเสนอแนวคิด มอบความงามจากภายในสู่ภายนอก พร้อมกับการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
ภายใต้อุดมคติต่อการทำธุรกิจที่ว่า “การค้าปลีกอย่างมีจริยธรรม” คือ การสร้างแบรนด์อย่างเป็นธรรม ซื่อตรงในด้านคุณภาพ และไม่โฆษณาเกินจริง
อีกทั้งตัวเจ้าของแบรนด์อย่างแอนนิตาก็ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของสัตว์ ทำให้สินค้าแต่ละตัวผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ออร์แกนิก และอ่อนโยนตามหลักวีแกนที่ไม่ใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์ อาทิ ไขมันสัตว์ ขี้ผึ้ง และน้ำนม นอกจากนี้ยังมีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และเลือกจากแหล่งผู้ผลิตโดยตรง และไม่มีการทดลองในสัตว์ ทั้งยังเปิดให้รีฟิลสินค้าได้อีกด้วย
ด้วยแนวคิดที่โดดเด่นของแบรนด์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทำให้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะครองใจลูกค้า จน The Body Shop กลายเป็นแบรนด์สกินแคร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปี 1980 และมีการขยายสาขาไปทั่วสหราชอาณาจักรอย่างรวดเร็ว
หลังจากเปิดร้านได้เพียงหกเดือน ธุรกิจของเธอก็เติบโตขึ้นจนมาถึงปี 2523 ร้านก็กลายเป็น 1 ในร้านชั้นนำของอังกฤษ ด้วยความน่าสนใจของสินค้าที่สร้างสรรค์ อาทิ กลิ่นใหม่ ๆ รูปลักษณ์ที่น่าสนใจ และใน 4 ปีต่อมาบริษัทก็เข้าตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
เมื่อบริษัทเปิดมาได้ประมาณ 10 กว่าปี ก็ได้มีซัพพลายเออร์รายใหญ่ของ The Body Shop ออกมาเปิดร้านเครื่องสำอางชื่อ Lush Cosmetics ที่มีคอนเซ็ปต์คล้ายกัน ทำให้ส่วนแบ่งในตลาดถูกแย่งไป รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ ที่หันมาทำการตลาดเครื่องสำอางเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเช่นเดียวกัน
กระทั่งในปี 2549 L’Oreal เข้าซื้อกิจการบริษัทในราคา 642 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดและสื่อหลายสำนักก็มองเห็นถึงข้อกังขาในดีลนี้ว่า รูปแบบการขายของ The Body Shop ที่เป็นร้านค้าปลีกไม่ใช่รูปแบบการขายที่ลอรีอัลถนัด ทำให้การบริหารของเขาอาจขัดต่ออุดมการณ์ของแบรนด์
ซึ่งหลังจากเป็นเจ้าของมาได้ 11 ปี ลอรีอัลก็ตัดสินใจขายกิจการให้กับ Natura ผู้จำหน่ายเครื่องสำอางรายใหญ่ของบราซิลไปในราคา 880 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 40,000 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนมือแล้ว สินค้าของบอดี้ช็อปก็ยังถูกมองว่าขาดการพัฒนาให้เหมาะสมกับยุคสมัย และการแข่งขันในตลาด ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปโฟกัสสินค้าแบรนด์อื่นที่คุ้มค่ากว่า
ปี 2556 ที่ผ่านมา Natura จึงตัดสินใจขายกิจการให้กับ Aulerius เจ้าของกิจการเสื้อผ้ากีฬาและแฟชั่นสัญชาติเยอรมันในราคา 207 ล้านปอนด์ หรือเกือบ 10,000 ล้านบาท แม้เจ้าของใหม่จะมั่นใจว่า จะสามารถทำให้ร้านกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้งด้วยการเจาะตลาดออนไลน์ แต่ไม่อาจต่อสู้กับปัญหาเงินทุนหมุนเวียนที่กำลังวิกฤตได้
เมื่อต้นปีที่แล้วจึงมีการเริ่มปิดกิจการสาขาบางส่วน พร้อมเข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการล้มละลาย เมื่อมาถึงปี 2568 เมื่อวันที่ 15 มกราคม ทางแฟนเฟจเฟซบุ๊ก The Body Shop ได้ออกมาประกาศ ข้อความระบุว่า
“THANK YOU FOR ALL THE LOVE – SEE YOU AGAIN SOON !
สวัสดีค่ะ ครอบครัว The Body Shop Thailand เรามีเรื่องสำคัญอยากบอกให้ทุกคนทราบ
หลังจากหลายปีที่เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ความงามที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและจริยธรรม ตอนนี้ The Body Shop Thailand ขอพักเบรกสักครู่ แต่ไม่ใช่การลาจากนะคะ เป็นแค่การพูดว่า ‘อดใจรออีกนิด แล้วเจอกันใหม่เร็ว ๆ นี้ !’
ร้าน The Body Shop ทุกสาขาจะเปิดให้บริการวันสุดท้ายคือ วันที่ 31 มกราคม 2025 ดังนั้นนี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะตุนสินค้าสุดโปรด ! ไม่ว่าจะเป็น Body Butter สุดคลาสสิก หรือเซรั่มวิตามินซีที่ทำให้ผิวเปล่งประกาย รีบมาช็อปก่อนสินค้าจะหมด !
ขอบคุณลูกค้าทุกท่านจากใจสำหรับทุกความรัก การสนับสนุนของคุณมีความหมายต่อเรามาก เราขอสัญญาว่าจะกลับมาพร้อมสิ่งดี ๆ มากมายให้คุณอีกครั้ง ดังที่ Dame Anita Roddick เคยกล่าวไว้ว่า ‘ถ้าคุณคิดว่าคุณเล็กเกินไปที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง ลองนอนกับยุงดูสิ’ อย่าหยุดทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น แล้วเราจะได้
พบกันอีกในเส้นทางนี้
ด้วยรักและความซาบซึ้งใจ
The Body Shop Thailand”

ข้อมูลจาก The Body Shop, The Guardian