‘วาโก้’ ทลายกรอบแบรนด์ชุดชั้นใน แตกไลน์ธุรกิจ ‘คาเฟ่-ชุดนอน-ของสะสม’

“วาโก้” ทลายกรอบแบรนด์ชุดชั้นใน ลุยแตกไลน์สารพัดธุรกิจ-สินค้า ประเดิม Wacoal Yaowarat Space ช็อปโมเดลใหม่ พร้อมร้านกาแฟวาโก้แห่งแรกของโลก ปักธงเยาวราชกวาดลูกค้าไทย-เทศ ก่อนเล็งเปิดสาขาแฟลกชิปใน 2-3 ปี เผยเน้นสินค้ายูนิเซ็กซ์ใส่ได้ทั้งชายหญิง-ของใช้ของสะสมคอลแลบส์รับมือตลาดชุดชั้นในหมื่นล้านฝืด มั่นใจปี’68 รายได้พลิกเติบโต 5%

นางอินทิรา นาคสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “วาโก้” ฉายภาพว่า ปี 2568 ตลาดชุดชั้นในของไทยมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท มีปัจจัยลบค่อนข้างมากทั้งสภาพเศรษฐกิจใน-นอกประเทศ กระทบการจับจ่ายของผู้บริโภค โดยพบว่าชาวไทยลดความถี่การซื้อลงหันเน้นคุณภาพเพื่อให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวจีนลดปริมาณการซื้อจาก 14-15 ตัว เหลือเพียง 3-4 ตัวเท่านั้น ขณะเดียวกันคลื่นสินค้าน็อนแบรนด์จากจีนทำให้การแข่งขันราคาดุเดือดขึ้น เช่นเดียวกับสินค้าปลอมซึ่งยังระบาดหนักในช่องทางออนไลน์

ด้วยเหตุนี้ ในปี 2568 นี้ บริษัทจึงตัดสินใจปรับยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน โดยไม่ยึดติดกับข้อจำกัดของการเป็นแบรนด์ชุดชั้นในทั้งการพัฒนาสินค้าและโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ นอกเหนือจากชุดชั้นใน มาเสริมทัพการสร้างรายได้ การขยายสาขาที่เน้นประสบการณ์ในการซื้อสินค้า โดยอยู่ภายใต้แนวคิดการเป็นแบรนด์ที่เข้าใจผู้บริโภคให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น และสามารถช่วยแนะนำ-แก้ปัญหาให้ได้ ตามเป้าปรับภาพลักษณ์ให้วาโก้เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เด็กรุ่นใหม่อยากมาปรึกษา

“ด้วยสถานการณ์ทางธุรกิจในปัจจุบัน เราจะอยู่กับชุดชั้นในอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องทดลองหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้ และกระจายความเสี่ยง”

ทลายกรอบชุดชั้นใน

ล่าสุดบริษัทเปิดตัว Wacoal Yaowarat Space ช็อปโมเดลใหม่ ในอาคาร 2 คูหา สูง 4.5 ชั้น พื้นที่ 150 ตร.ม. ด้วยงบฯ 15 ล้านบาท บนถนนเยาวราช ซอย 11 และซอยมังกร ที่ไม่ได้เป็นเพียงร้านขายของ แต่ยังวางโพซิชั่นเป็นแลนด์มาร์กสำหรับนักท่องเที่ยว, วัยรุ่น และคนทำงาน ซึ่งสะท้อนแนวคิดการทลายกรอบแบรนด์ชุดชั้นใน และการสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบใหม่ที่ไม่เคยมีในร้านชุดชั้นใน

ADVERTISMENT

มีไฮไลต์เป็นธุรกิจใหม่ Cups Cafe ร้านกาแฟแบรนด์วาโก้แห่งแรกในโลก พร้อมเมล็ดกาแฟ วาโก้ เบลน ที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ และเมนูซิกเนเจอร์ทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ ราคาเริ่มต้น 90 บาท ตั้งอยู่บนชั้น 3

ADVERTISMENT

ส่วนชั้น 1 เป็นร้านค้ารวบรวมสินค้าขายดี สินค้าสมาร์ทไซซ์แบบ S/M/L/XL ที่ง่ายต่อการเลือกซื้อ และสินค้าแพ็กเกจพิเศษสำหรับซื้อเป็นของฝาก ด้านชั้น 2 เป็นโชว์รูมจำหน่ายสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟที่มีเฉพาะสาขานี้ จากการคอลแลบส์กับศิลปินดังซึ่งจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนทุก 4 เดือน เฟสแรกเป็นการคอลแลบส์กับ Milly X Mercy และผลงาน “ปันปันยีย์ยีย์”

สำหรับชั้น 4 เป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซติดแอร์ พร้อมห้องน้ำ 2 ห้อง, ดาดฟ้าสำหรับชมวิว และเป็นจุดเช็กอิน ซึ่งตอบโจทย์ทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นอีกฐานลูกค้าสำคัญ สะท้อนจากช่วงซอฟต์ลอนช์ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ลูกค้า 80% เป็นชาวต่างชาติทั้งยุโรปและจีน

“Wacoal Yaowarat Space เป็นผลลัพธ์ของแนวคิดการเข้าใจผู้บริโภค โดยเน้นเรื่องความสุข ซึ่งปัจจุบันคนให้ความสำคัญใน 3 เรื่อง คือ กิน ดื่ม เที่ยว จึงเลือกมาปักธงที่เยาวราช ซึ่งเป็นแหล่งกินเที่ยวสำคัญ และใส่คาเฟ่เข้ามาในร้านด้วย”

เล็งปักธงแฟลกชิปย่านสยาม

สำหรับการขยายสาขาหลังจากนี้จะยึดแนวทางสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้าด้วยการเน้นประสบการณ์ในร้านที่แปลกใหม่ ไม่เคยมีมาก่อน โดยสาขาโมเดลปกติจะเปิดเพิ่ม 2-3 สาขา หนึ่งในนั้นอาจเป็นในสยาม เพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่น

ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างพิจารณาการตั้งสาขาแฟลกชิปขนาดใหญ่ ในย่านศูนย์กลางการช็อปปิ้งของทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ หรือสยามพารากอน คาดว่าจะใช้เวลาคัดเลือกทำเลอีก 2-3 ปี จึงจะมีความชัดเจน จากปัจจุบันมีจุดจำหน่าย 530 จุด แบ่งเป็นช็อปสแตนด์อะโลน 98 แห่ง ร้านในห้างสรรพสินค้า 277 แห่ง และร้านในห้างท้องถิ่นอีก 156 แห่ง

เปิดตัวสินค้าน้อยแต่ตรงใจ

ในด้านสินค้าใหม่นั้น นอกจากจะมีสินค้าอื่น ๆ นอกเหนือจากชุดชั้นในเพิ่มมากขึ้น อาทิ ชุดนอนหรือเลานจ์แวร์แบบใส่ได้ทั้งชาย-หญิง ของใช้ของสะสมต่าง ๆ อย่าง ผ้าขนหนู, กระเป๋าผ้า, กระติกน้ำ ที่เป็นผลงานจากการคอลแลบส์กับศิลปินและแบรนด์ เพื่อใช้ศักยภาพของการคอลแลบส์ให้เต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาการใช้กับชุดชั้นในติดข้อจำกัดด้านขนาดชิ้นงานที่เล็ก และการต้องใส่ไว้ภายในร่มผ้า ทำให้การคอลแลบส์นั้นไม่ชัดเจน

การพัฒนาสินค้าจะเน้นความแม่นยำมากขึ้น โดยลดความถี่การออกสินค้าใหม่ลง แต่สินค้าที่ออกจะมีดีไซน์และฟังก์ชั่นตรงใจผู้บริโภค-สอดคล้องกับเทรนด์ตลาดมากขึ้น จากเดิมที่ออกบิ๊กคอลเล็กชั่นปีละ 2 ครั้ง และไลน์ทั่วไปเดือนเว้นเดือน อาศัยหน่วยงานสำหรับศึกษาด้านเทรนด์และอินไซต์ผู้บริโภคโดยเฉพาะ เช่น เทรนด์การใส่เสื้อผ้าขนาดใหญ่กว่าตัว หรือโอเวอร์ไซซ์ และชุดชั้นเนียน-ชุดชั้นในแบบไม่มีรอยต่อ ซึ่งตอบโจทย์ชาวไทยโดยเฉพาะ Gen Z

ทั้งนี้ เชื่อว่ายุทธศาสตร์ใหม่จะผลักดันให้ยอดขายปี 2568 เติบโต 5% หลังจากปี 2567 ที่มีรายได้ 3,506.67 ล้านบาท ลดลง 2.83% จากปีก่อนหน้า รวมถึงรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ของตลาดชุดชั้นในด้วยส่วนแบ่งตลาด 40% เอาไว้ได้ แม้ตลาดจะมีความท้าทายสูงก็ตาม