‘แชโบล’ โสมขาวยกทัพบุก ชิงโอกาสลงทุน…เกาหลีเหนือ

MARKETMOVE

ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ ได้เสนอให้สหรัฐประกาศยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ และปิดฉากความขัดแย้งยาวนานถึง 65 ปีนี้ลง

นอกจากจะช่วยสลายความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีแล้ว ยังถือเป็นโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการเกาหลีใต้ โดยเฉพาะกลุ่มแชโบลที่จะรุกตลาดโสมแดงเป็นรายแรกก่อนคู่แข่งต่างชาติอย่างจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐ

เนื่องจากที่ผ่านมาแม้เกาหลีเหนือเปิดให้บริษัทต่างชาติจำนวนมากเข้ามาลงทุนในบางเซ็กเมนต์ เช่น บริษัทสื่อสารสัญชาติอียิปต์ และบริษัทเหมืองแร่สัญชาติจีน บริษัทไอทีจากเนเธอร์แลนด์ และอื่น ๆ แต่ยังไม่มีผู้เล่นรายหลักจากประเทศตะวันตกเข้าไปลงทุนมาก่อน จึงนับเป็นโอกาสทอง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในทริปเยือนเกาหลีเหนือของประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ระยะเวลา 3 วันนั้น
ผู้นำเกาหลีใต้ได้พาคณะเดินทางรวมกว่า 200 คน ในจำนวนนี้มีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ อย่างยักษ์อุตสาหกรรมซัมซุง แอลจี ลอตเต้ ฮุนได ยักษ์สื่อสาร เคที กรุ๊ป และอื่น ๆ ติดตามไปด้วย เพื่อร่วมเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจ

โดยลอตเต้, ฮุนได และบริษัทสื่อสารเคที กรุ๊ป แสดงท่าทีสนใจเปิดตลาดในเกาหลีเหนือ ด้วยการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาโปรเจ็กต์ลงทุน โดยลอตเต้สนใจผุดรีสอร์ตและโรงแรม ส่วนเคที กรุ๊ปเล็งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสาร ส่วนฮุนไดกำลังศึกษาโอกาสทำธุรกิจท่องเที่ยวในภูเขาคุมกัง

ขณะเดียวกัน ยังมีกลุ่มที่เห็นต่างต่อการลงทุนในฝั่งโสมแดง โดยเฉพาะ “ซัมซุง” ซึ่งหัวเรือใหญ่อย่าง “ลี แจ-ยัง” รองประธานและทายาทของบริษัทร่วมเดินทางไปในทริปด้วยตนเอง โดยที่ผ่านมายักษ์อุตสาหกรรมรายนี้มักสงวนท่าทีต่อประเด็นการลงทุนในเกาหลีเหนือมาตลอด พร้อมให้เหตุผลสั้น ๆ เพียงว่ากำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้ในช่วงปี 2543-2553 ซัมซุงจะเคยมีโรงงานประกอบทีวีในเกาหลีเหนือก่อนจะต้องปิดตัวไปจากเหตุการณ์โจมตีเรือรบโชนันในปี 2553 เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์มูลค่า
7.3 แสนเหรียญสหรัฐในปี 2543

อย่างไรตาม แนวทางของ “ซัมซุง” อาจเปลี่ยนไปในเร็ววันนี้ เนื่องจากแรงกดดันของรัฐบาลที่ต้องการให้
แชโบลอันดับ 1 ของประเทศเป็นผู้ถือธงนำเครืออุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้าไปลงทุนในโสมแดง โดยแหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าว “นิกเคอิ” ว่า ลี แจ-ยัง กำลังถูกรัฐบาลกดดันอย่างหนัก เพื่อให้ประกาศแผนลงทุนในเกาหลีเหนือหลังจากจบทริปนี้ สอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์ที่มองว่า เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับการได้รับการรอลงอาญาในโทษจำคุก 2 ปีครึ่งจากคดีติดสินบนอยู่ระหว่างรอคำพิพากษา

ทั้งนี้ แผนการชิงยึดหัวหาดของยักษ์อุตสาหกรรมโสมขาว จะสำเร็จหรือไม่นั้นยังต้องจับตาดูท่าทีของสหรัฐอเมริกา รวมถึงยังมีความท้าทายด้านต้นทุนที่อาจสูงกว่าฝั่งใต้จากค่าขนส่งที่สูง เพราะสภาพเส้นทางและการข้ามแดนซึ่งบรรดาธุรกิจเกาหลีใต้จะต้องหาทางรับมือ