นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนาของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ภายใต้หัวข้อ Thailand 2019 ว่าการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ถูกท้าทายด้วยการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นับตั้งแต่ 33 ปีก่อนที่ตัวเองได้เข้ามาดูแลและบริหารศูนย์การค้า ไม่ว่าจะเป็นสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัพเวอรี่ และสยามพารากอน ซึ่งล้วนเจอกับความท้าทายไม่เพียงดิจิทัลดิสรัปชั่นในปัจจุบัน แต่ผ่านมาหมดทั้งวิกฤตค่าเงินบาท เศรษฐกิจ หรือรัฐประหาร การเมือง แต่เราก็ผ่านมาได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นโชค และเราต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะหน้าที่เราคือการนำพาและสร้างความมั่นใจให้กับซัพพลายเออร์กว่า 1,000 รายที่อยู่ร่วมกัน
การทำธุรกิจรีเทลไม่มีวันสิ้นสุด เพราะตลาดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทุกวินาที มีการบ้านให้คิดตลอด สอดคล้องกับแนวทางการทำธุรกิจของสยามพิวรรธน์ ซึ่งเราจะทำสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมและต้องเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกในเมืองไทยเมื่อ 45 ปีก่อน หรือสยามพารากอนเมื่อ 13 ปีก่อน ที่เราทำให้ทั่วโลกเห็นถึงความสำเร็จในการเป็น Pride of bangkok ติดอันดับในโกลบอลที่ทุกคนต้องมา รวมถึงการลงทุนครั้งล่าสุด 54,000 ล้านของไอคอนสยามที่จะสร้างปรากฏการณ์จุดพลุให้ทุกคนทั่วโลกเห็นเมืองไทยว่าเรามีดีขนาดไหน
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
“6 ปีก่อนตอนนั้นเราประกาศการลงทุนไอคอนสยาม ท่ามกลางวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศ เป็นการทำงานที่ยากและท้าทายมากในการที่จะดึงต่างชาติให้เชื่อมั่น เข้าใจและกล้าเข้ามาลงทุน แต่เราต้องทำ และต้องทำให้ได้”
เมื่อโลกเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เช่นเดียวกับการพัฒนาตามเทรนด์ใหม่ๆ ให้ทัน ดีเวลลอปเปอร์ต้องทำงานหนักขึ้น และคิดให้มากขึ้น การทำ “ไอคอนสยาม” จึงถือว่าเป็นโมเดลที่นำเสนอแนวคิดใหม่ ด้านรีเทล ซึ่งโจทย์ไม่ได้อยู่ที่เราต้องการจะสร้างอะไร แต่ต้องคำนึงว่าชุมชนต้องการอะไร