ยักษ์ค้าปลีกเซ็นทรัลโดดร่วมสมรภูมิ “อีวอลเลต” จับมือ JD.com ทุ่ม 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ปั้น “Dolfin Wallet” ใต้ปีกบริษัทใหม่ “เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง” รอลุ้นแบงก์ชาติไฟเขียวให้ใบอนุญาตภายใน 90 วัน พร้อมเปิดบริการทันที ปักธง 3 ปี ผู้ใช้งาน 10 ล้านราย เล็งใช้ “บิ๊กดาต้า” ต่อยอดธุรกิจอีกเพียบ
เซ็นทรัล : นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานกรรมการผู้บริหาร บริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเกิดจากความร่วมมือระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลของไทย และเจดี ดอทคอม บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน ภายใต้การร่วมทุนกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาบริการด้านอีไฟแนนซ์ และฟินเทค ในประเทศไทย โดยกำลังอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตเพื่อให้บริการอีเพย์เมนต์ อีมันนี่ และบริการตัวแทนรับชำระเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตทั้งหมดภายใน 90 วัน ก่อนเปิดให้บริการ “Dolfin Wallet” (ดอลฟินวอลเลต) เป็นบริการแรกในทันที
โดย “ดอลฟินวอลเลต” จะเป็นแอปพลิเคชั่นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์รายแรกที่รองรับการชำระและโอนเงินครบทุกช่องทาง เชื่อมโยงกับบัญชีธนาคาร บัตรเดบิตและบัตรเครดิต มีการเติมเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ CenPay รองรับการใช้งานกับระบบพร้อมเพย์ และ QR code พร้อมรับคะแนน The 1 Card ทุกครั้งที่ใช้จ่าย
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ออมสิน ฉลองครบวาระ 111 ปี จัดเต็ม สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท
“โครงสร้างพื้นฐานและผู้บริโภคไทยมีความพร้อมที่จะก้าวสู่สังคมไร้เงินสด ถือเป็นจังหวะที่ดีในการเปิดให้บริการ โดยดอลฟินจะทำตลาดแบบ location based ปูพรมพื้นที่ให้บริการไล่ไปทีละจุด เพื่อสร้างอิมแพ็กต์กับผู้ใช้ให้มากที่สุด เริ่มจากย่านสีลม อโศก และสยาม ที่จะพร้อมใช้งานได้ทุกร้าน ไม่ใช่แค่เฉพาะในเครือเซ็นทรัล”
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ กลุ่มนักศึกษา พนักงานบริษัท และลูกค้าบัตร The 1 Card ที่มีกว่า 15 ล้านคน โดยตั้งเป้าว่าภายใน 12 เดือนจะมียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นไปใช้ 4-5 ล้านดาวน์โหลด และมียอดผู้ใช้งานระดับ 10 ล้านราย ภายใน 3-4 ปี
“ธุรกิจอีเพย์เมนต์ อีวอลเลต ไม่ใช่ธุรกิจที่จะทำกำไรมหาศาล แต่จะมีดาต้ามหาศาล ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ นำไปต่อยอดได้อีกมาก ซึ่ง JD.com ยังมีอีกหลายเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านการเงิน ฟินเทค ที่รองรับการก้าวสู่ดาต้าอีโคโนมี และยืนยันว่า เราไม่ได้ต้องการมาแข่งกับแบงก์ แต่ต้องการเป็นพันธมิตร”
สำหรับ “ดอลฟินวอลเลต” จะโดดเด่นด้านการทำ E-KYC (electronic know-your-customer) ด้วยเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า และ optical character recognition (เทคโนโลยีการรู้จำตัวอักษร)
นายรุ่งเรืองกล่าวว่า ตลาดอีวอลเลตในประเทศไทย ปัจจุบันยังไม่มีผู้ให้บริการรายใดเป็นเจ้าตลาด เพราะส่วนใหญ่ยังให้บริการชำระเงินในวงจำกัด ต่างจาก “ดอลฟิน” ที่เชื่อมบริการได้กับร้านค้าพันธมิตรจำนวนมาก เฉพาะที่เป็นจุดรับชำระของธนาคารกรุงเทพ และกสิกรไทย ที่เป็นพันธมิตรก็มีมากกว่า 60% ของตลาด หรือกว่า 3 ล้านร้านค้า จึงยังมีโอกาสทางธุรกิจอีกมาก โดยคู่แข่งสำคัญ คือ “เงินสด” ฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การหาพันธมิตรเพื่อสร้างสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าในการใช้งาน และรู้สึกเสียโอกาสหากเลือกจ่ายด้วยเงินสด
“ธุรกิจดิจิทัลไม่สามารถระบุได้ชัดว่าจะต้องลงทุนเท่าไร หรือคืนทุนเมื่อใด เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่ สำคัญที่จะสร้างมาร์เก็ตแคปได้มาก และจะสเกลฐานลูกค้าให้ได้อย่างไร”
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!