ซีพี คว้าสิทธิ์ตลาดอาเซียน ส่ง MG บุก “อินโดฯ-มาเลย์”

“เอ็มจี” บายซีพีโชว์ผลงานเข้าตา บริษัทแม่เอสเอไอซี เซี่ยงไฮ้ ไฟเขียวทำตลาดในภูมิภาคอาเซียนเพิ่ม ประเดิม “อินโดนีเซีย-มาเลเซีย” พร้อมส่ง 2 รุ่นหลัก เอ็มจี 3 และแซดเอส กรุยทางต้นปีหน้า ปลื้มรถไฟฟ้าขายในบ้านเราแค่ 3 เดือน กวาดยอด 2,000 คัน เร่งเครื่องดันไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์อีวีแห่งแรกนอกจีน รับความต้องการของตลาดโลก ลุยตั้งโรงงานประกอบแบตเตอรี่อีกแห่ง

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า 5 ปีของการทำตลาดในประเทศไทยประสบความสำเร็จดีมาก ยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ฉลองยอดขายครบ 50,000 คันไปเรียบร้อย

คว้าสิทธิ์ทำตลาดอินโดฯ-มาเลย์

ผลงานที่โดดเด่นทำให้บริษัทแม่ เอสเอไอซี มอเตอร์ จากเซี่ยงไฮ้ ให้ความไว้วางใจ และมอบหมายให้บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (ร่วมทุนไทย-จีน) ทำหน้าที่ดูแลการทำตลาดแบรนด์รถยนต์เอ็มจี ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด รวมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์ให้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์เอ็มจีพวงมาลัยขวาทั้งตลาดในประเทศและส่งออก

ทั้งนี้ ทิศทางการทำตลาด-การขายรถยนต์เอ็มจีในภูมิภาคอาเซียนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนเตรียมความพร้อมและศึกษารายละเอียดความต้องการของตลาด เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มต้น 2 ประเทศที่ใช้รถยนต์พวงมาลัยขวาก่อนได้แก่ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งตลาดทั้ง 2 ประเทศมีศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจสูง ด้วยปริมาณความต้องใช้รถต่อปีราว ๆ 1 ล้านคัน และ 7 แสนคัน ตามลำดับ

ประเดิมเอ็มจี 3-แซดเอส

และน่าจะเริ่มจริงจังได้ราว ๆ ต้นปี 2563 ส่วนผลิตภัณฑ์ที่จะนำไปทำตลาดทั้ง 2 ประเทศนั้น คาดว่าจะเป็นรถยนต์กลุ่มเอสยูวี เอ็มจี แซดเอส และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เอ็มจี 3 ในช่วงแรก เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมและการตอบรับค่อนข้างดีในประเทศไทย

“ตอนนี้มีพาร์ตเนอร์หลายรายพร้อมจะมาทำงานร่วมกับเรา ส่วนใหญ่มีความพร้อมในการทำตลาดอยู่แล้ว ทั้งงานขายและบริการหลังการขาย”

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ปี 2563 ทุก ๆ อย่างจะต้องชัดเจน และทั้ง 2 ประเทศนั้นมีความต้องการรถยนต์นั่งค่อนข้างสูงมาก เมื่อดูจากจำนวนยอดขายในแต่ละปี เชื่อว่าเอ็มจีจะสามารถสอดแทรกเพื่อสร้างความต้องการของตลาดและฐานลูกค้าได้อย่างไม่ยาก

เร่งมือส่งออกออสเตรเลีย

การได้สิทธิ์ทำตลาดทั้งภูมิภาคอาเซียนจะสอดรับกับแผนส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาของเอ็มจีพอดี ขณะนี้รอเพียงบริษัทแม่พิจารณาตลาดและความเหมาะสมเบื้องต้นคาดว่าออสเตรเลียน่าจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่เอ็มจีจะส่งรถจากประเทศไทยเข้าไปจำหน่าย หลังจากนั้นก็จะเป็นอินโดนีเซีย และมาเลเซีย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องวางแผนการผลิตให้สอดคล้องและเพียงพอกับความต้องการภายในประเทศด้วย ปัจจุบันเอ็มจีมีกำลังผลิต 40,000 คันต่อปี ซึ่งปีหน้าคงต้องเพิ่มกำลังผลิตเพื่อรองรับการส่งออกด้วย

จ้องผุด รง.ผลิตแบตเตอรี่

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวต่อไปถึงด้านความคืบหน้าโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทยื่นขอส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท ตรงนี้จะยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพทางด้านการผลิตให้กับเอ็มจีมากขึ้น และอนาคตจะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2ที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเอ็มจี ต่อจากจีนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีแผนตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของบีโอไอที่สนับสนุนการลงทุน

8 เดือนขายทะลุ 1.6 หมื่นคัน

รองกรรมการผู้จัดการ เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย กล่าวอีกว่า แผนรุกตลาดในประเทศปีนี้ นอกจากการทำตลาดเอ็มจี วี 80 รถตู้ขนาด 11 ที่นั่ง รถยนต์ไฟฟ้า, เอ็มจี แซดเอส (อีวี) เมื่อเดือนมิถุนายน และเปิดตัวปิกอัพ เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว ในวันที่ 27 กันยายนนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวเอสยูวีขนาดกลาง เอ็มจี เอชเอส ออกสู่ตลาดอีกรุ่น ซึ่งเชื่อว่า จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ ซึ่งเป็นการเติมเต็มช่องว่างภายในตลาดของรถยนต์ประเภทนี้ และน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่ช่วยผลักดันให้เอ็มจี มียอดขายรถยนต์เอสยูวีมากเป็นอันดับ 2 ของตลาดได้ไม่ยาก

ส่วน 8 เดือนที่ผ่านมานั้นมียอดขายไปแล้วทั้งสิ้น 16,500 คัน แบ่งสัดส่วนเป็น แซดเอส 50%, เอ็มจี 3 สัดส่วน30% และอื่น ๆ 20% จากเป้าหมายปีนี้ที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้นปี 50,000 คัน

“ต้องรอดูว่าถึงสิ้นปีจะมียอดขายจบที่เท่าใด โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้ายถือเป็นช่วงฤดูการขาย บรรยากาศการจับจ่ายและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้น ประกอบกับเรามีรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เยอะ น่าจะทำให้ยอดขายดีดขึ้นไปอีกมากอย่างแน่นอน”

รถไฟฟ้าแรง 3 เดือน 2 พันคัน

สำหรับกระแสตอบรับของรถยนต์ไฟฟ้า 100% เอ็มจี แซดเอส อีวี ซึ่งบ้านเราขายเป็นแห่งที่ 2 ของโลก บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายทั้งปีไว้ 1,000 คัน ปรากฏว่าผ่านไปแค่ 3 เดือน ลูกค้าชาวไทยให้การตอบรับดีเกินคาด และมียอดจองไปแล้วกว่า 1,500 คัน ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เริ่มส่งมอบรถรุ่นนี้ให้กับลูกค้าไปแล้วกว่า 290 คัน คาดว่าภายในปีนี้จะสามารถส่งมอบรถทั้ง 1,500 คัน ให้กับลูกค้าได้ โดยคาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้ ยอดจองของรถรุ่นนี้น่าจะเพิ่มไปที่ระดับ 2,000 คัน

สำหรับลูกค้าที่ซื้อ เอ็มจี แซดเอส อีวี ราคา 1.19 ล้านบาท และซื้อภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จะได้รับข้อเสนอพิเศษ ประกันแบตเตอรี่แบบไม่จำกัดระยะทางเป็นเวลา 8 ปี ฟรีชุดอุปกรณ์ชาร์จไฟในบ้าน มูลค่า 45,000 บาท ฟรีค่าติดตั้ง รับประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี และรับประกันคุณภาพรถยนต์ 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร ขณะที่แผนการติดตั้งสถานีชาร์จไฟที่โชว์รูมเอ็มจี คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะครบ 130 แห่งทั่วประเทศ

อนึ่ง เอ็มจีประกาศแผนรุกตลาดในวันแรกที่ปรากฏตัวสู่สาธารณชนในประเทศไทยว่า 5 ปีจะมียอดขาย 5 หมื่นคันซึ่งจะครบกำหนดในปีงบประมาณ 2562 แต่สามารถฉลองยอดขาย 50,000 คันได้ตั้งแต่ต้นปี โดยปีแรกของการทำตลาด ปี 2557 มียอดขาย 204 คัน, ปี 2558 มียอดขาย 3,779 คัน, ปี 2559 มียอดขาย 8,319 คัน, ปี 2560 มียอดขาย12,013 คัน และปี 2561 มียอดขาย 23,740 คัน