เถ้าแก่น้อย ปรับแผนโฟกัสตลาดจีน แก้เกมยอดขายร่วง

เถ้าแก่น้อย

เถ้าแก่น้อย ปรับทัพรับตลาดต่างประเทศฟื้นตัว เร่งปรับกลยุทธ์รุกตลาดจีน แต่งตั้งตัวแทนกระจายสินค้า ปูพรมเทรดิชั่นนอลเทรด-อีคอมเมิร์ซ ด้านตลาดในประเทศลุ้นโควิด-19 คลี่คลาย เดินหน้าลอนช์ผลิตภัณฑ์ใหม่ส่งแคมเปญกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง

วันที่ 16 สิงหาคม 2564 นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า เถ้าแก่น้อย เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทได้เพิ่มน้ำหนักการทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีน ที่ถือเป็นตลาดหลักของเถ้าแก่น้อย

อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์

ที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงในการทำตลาด โดยแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย เพิ่มอีก 1 ราย เพื่อกระจายสินค้าเข้าสู่ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) และช่องทาง E-Commerce จากเดิมที่มีตัวแทนจำหน่าย ได้แก่ Pan Orion Corp รับผิดชอบการจัดจำหน่ายสินค้าเข้าสู่ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) โดยการผสานกำลังร่วมกันระหว่าง 2 ตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีนครั้งนี้ จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดส่งออกต่อจากนี้

เช่นเดียวกับตลาดในสหรัฐอเมริกา ที่มีสัญญาณที่ดี หลังเริ่มเปิดประเทศในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น  บริษัทได้เดินสายออกบูทงานแสดงสินค้า (Roadshow Exhibition) ตามสถานที่ต่าง ๆ คาดว่าจะเห็นสัญญานการฟื้นตัวชัดเจนได้ในไตรมาส 3 ปี 2564 เป็นต้นไป แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากภาวะค่าระวางการขนส่งสินค้าทางเรือรวมถึงราคาค่าตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังสูงที่ยังต้องบริหารจัดการให้เอื้อประโยชน์และสนับสนุนแผนการเติบโตด้านผลการดำเนินงานให้รัดกุม

นายอิทธิพัทธ์กล่าวต่อไปว่า ขณะที่ทิศทางตลาดในประเทศ ยังเผชิญความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนจากวิกฤตโควิด-19 โดยมาตรการของภาครัฐทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักและกำลังซื้อชะลอตัว ดังนั้น บริษัทจึงต้องบริหารจัดการความเสี่ยงต่าง ๆ ให้รัดกุมในทุกด้าน

รวมถึงติดตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อแผนงาน ซึ่งในเบื้องต้นประเมินว่าการแพร่ระบาดจะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

สำหรับกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงาน บริษัทมีแผนนำเสนอสินค้าใหม่ ควบคู่กับการทำแคมเปญส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างโมเมนตัมให้กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่กลุ่มธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนหรือ Quick Service Restaurant (QSR) ของบริษัทในเครือ จะมุ่งขยายช่องทางจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มดีลิเวอรี่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,703 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 78.4 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19  และในไตรมาส 2 ปี 2564 ตลาดในประเทศยังมียอดขายจากผลิตภัณฑ์สาหร่ายและผลิตภัณฑ์นมพลาสเจอร์ไรส์รสชานม “จัสท์ ดริ้งค์” เข้าช่วยผลักดันยอดขาย ทำให้สามารถชดเชยยอดขายจากตลาดต่างประเทศบางส่วนที่ชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดประเทศจีนที่อยู่ระหว่างการปรับกลยุทธ์ใหม่ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันการเติบโตของตลาดต่างประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งได้ในอนาคต