สธ.ฟันธงไทยผ่านจุดสูงสุดโอมิครอนระบาด ย้ำประชาชนรับเข็ม 3-4

สธ.เผยข้อมูลสถานการณ์โควิดโลก-ไทย ผ่านพ้นจุดสูงสุดการระบาดโอมิครอนแล้วหลังวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ชี้ปัจจุบันการติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง แนะประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็ม 3-4 เข้มมาตรการ UP ชะลอการติดเชื้ออยู่ระดับฉากทัศน์สีเขียว

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในระดับโลกประจำวันพบติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านคน ผลัดยอดติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 388 ล้านราย เสียชีวิตรายวัน 1.03 หมื่นราย สะสมทั้งหมด 5.7 ล้านราย

โดยวันนี้ (4 ก.พ.) ติดเชื้อใหม่สูงสุดอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 1.64 แสนราย เสียชีวิต 1.7 พันราย, อินเดีย 1.47 แสนราย เสียชีวิต 1.1 พันราย และบราซิล 2.77 แสนราย เสียชีวิต 923 ราย

ส่วนประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 9.9 พันราย และเสียชีวิต 22 ราย โดย 96% เป็นคนไทย 0.9% เป็นคนเมียนมา 0.5% เป็นคนกัมพูชา และ 2.6% เป็นคนจากพื้นที่อื่น ๆ เช่น นักท่องเที่ยว เป็นต้น

ทั้งนี้ การระบาดโอมิครอนของไทยเป็นผลพวงมาจากเทศกาลปีใหม่ที่มีการกินดื่มสังสรรค์กันมาก โดยกลุ่มที่พบการติดเชื้อสูงสุดเป็นวัยผู้ใหญ่อายุ 20-29 ปี จำนวน 21.5% รองลงมาเป็น 30-39 ปี จำนวน 18.7% และ 40-49 ปี จำนวน 14.2% ตัวเลขที่น่าสนใจคือกลุ่มเด็กอายุ 0-9 ขวบ เริ่มมีการติดเชื้อมากขึ้นที่ 10.3%

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาค่าเฉลี่ยการติดเชื้อจากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 64 – 2 ก.พ. 65 โดยนำค่าเฉลี่ยแต่ละวันมาคิดเป็นเฉลี่ยจะพบว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิดโลกได้ผ่านจุดสูงสุดของการระบาดระลอกโอมิครอนมาแล้ว คือวันที่ 28 ม.ค. 65

ขณะที่เส้นยอดผู้เสียชีวิตไม่ได้พุ่งสูงขึ้นมาเทียบเท่ากับยอดการติดเชื้อแต่อย่างใด หรืออาจกล่าวได้ว่ามีการยกตัวขึ้นมาบ้าง แต่โอมิครอนไม่ได้รุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่การติดเชื้อมาก ๆ ย่อมดันยอดการเสียชีวิตให้สูงได้เช่นเดียวกัน

ส่วนประเทศแอฟริกาใต้จุดเริ่มต้นของสายพันธุ์โอมิครอนพบว่า ผ่านการติดเชื้อสูงสุดมาแล้วตั้งแต่ 18 ธ.ค. 64 แล้วกราฟค่อย ๆ มีการลดลงตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่

ถัดมาได้แก่ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้พบการติดเชื้อโอมิครอนในสัดส่วนที่สูงมากในช่วงหลังปีใหม่ โดยมีการติดเชื้อสูงสุดในราววันที่ 8 ม.ค. 65 และเริ่มมีการลดลงเรื่อย ๆ ส่วนอัตราการเสียชีวิตยกตัวสูงขึ้นตามหลังจากการระบาดสูงสุดมาเล็กน้อย แต่ไม่มากไปกว่าช่วงระบาดเดลต้า

สำหรับประเทศไทยจุดสูงสุดของการระบาดโอมิครอนอยู่ที่วันที่ 17 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา และขณะนี้ได้ผ่านจุดสูงสุดการระบาดมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นผลมาจากไทยมีมาตรการช่วยชะลอการติดเชื้อให้ลดลงได้เป็นอย่างดี

ส่วนฉากทัศน์คาดการณ์การระบาดโควิด แม้ช่วงแรกประเทศไทยจะขึ้นไปตามกราฟสีเทาหรือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดติดเชื้อ 3 หมื่นราย แต่ด้วยการเคร่งครัดมาตรการ VUCA ทำให้ยอดการติดเชื้อของไทยกลับมาอยู่ระดับต่ำกว่าเส้นสีเขียว หรือระดับต่ำสุด แม้วันนี้ (4 ก.พ.) จะมียอดการติดเชื้อเฉียด 1 หมื่นคน แต่ถือว่ายังเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้แต่ต้น ไม่ได้สูงกว่าที่คาดการณ์แต่อย่างใด

ขณะที่ฉากทัศน์คาดการณ์การเสียชีวิตจากโควิดนับว่าไทยทำได้ต่ำกว่าเส้นสีเขียวที่กำหนดไว้ ถือว่าเป็นผลมาจากความร่วมมือร่วมใจกัน

“ปัจจุบันยอดการติดเชื้อในไทยเฉียดหมื่นคน โดยยอดเสียชีวิตยังมาจากกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือรับวัคซีนมานานแล้ว จึงอยากขอเชิญชวนประชาชนเข้าฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ส่วนกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรังและผู้สูงวัยจะมีโปรแกรมฉีดเข็มที่ 4 ตามมา ส่วนมาตรการ UP จะช่วยให้เราคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลงให้อยู่ในระดับที่คุมได้”