“ไดกิ้น” ขย่มตลาดแอร์รับร้อน ชูฟังก์ชั่นสุขภาพ-โหมแคมเปญปั๊มยอด

“ไดกิ้น” ชี้เทรนด์ตลาดแอร์ปี’65 การแข่งเดือดหวังเจาะเรียลดีมานด์ “บ้าน-ทาวน์โฮม” มั่นใจตลาดรวมโต 5-10% ประกาศเร่งสปีดทำตลาดตั้งแต่ปลาย ก.พ. ลากยาวถึง พ.ค.ทุ่มงบฯการตลาดบุกหนัก ระดมทั้งโฆษณาทีวี โซเชียล กระหน่ำโปรฯแรง ส่วนลด 3,000 ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน ขยายประกัน พร้อมจัดเต็มฟังก์ชั่นสุขภาพ-ประหยัดในทัพสินค้าใหม่หวังรุกทั้งครัวเรือนถึงเมกะโปรเจ็กต์ วางเป้าหมายการเติบโตสูงกว่าตลาด เพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในตลาดระดับกลางถึงบน

ตลาดแอร์มูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ปีนี้มีแนวโน้มแข่งขันดุเดือดเป็นพิเศษ เนื่องจากกำลังซื้อที่ลดลง ทำให้ผู้บริโภคอ่อนไหวต่อราคาและพร้อมเปลี่ยนไปทดลองใช้สินค้าแบรนด์อื่น ๆ มากกว่าปกติ ในขณะที่แต่ละแบรนด์ก็พยายามจูงใจผู้บริโภคเพื่อสร้างยอดขาย

มั่นใจตลาดรวมโต 5-10%

นายสราวุธ เต็มภัทรศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ผู้จำหน่ายแอร์ “ไดกิ้น” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดแอร์ปี 2565 นี้จะสามารถเติบโตประมาณ 5-10% จากปีที่ผ่านมา

เนื่องจากภาคครัวเรือนยังมีความต้องการสินค้าทั้งผู้ซื้อแอร์เครื่องแรกและทดแทนเครื่องเก่าที่ครบอายุใช้งาน ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ยังมีความต้องการแอร์

เช่นเดียวกับภาคค้าปลีกอาจโตได้เล็กน้อยจากการขยาย-รีโนเวตสาขาของห้างและร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ช่วงคลายล็อกดาวน์

ส่วนกลุ่มคอนโดฯ อาจต้องใช้เวลา 1-2 ปี เนื่องจากปัจจุบันมีห้องค้างสต๊อกอยู่ค่อนข้างเยอะ ทำให้โอกาสที่จะมีโครงการใหม่ ๆ มาสร้างดีมานด์แอร์นั้นเป็นไปได้ยาก

“ปีนี้การทำตลาดจะท้าทายมากขึ้น เนื่องจากแม้จะมีความต้องการสินค้า แต่สภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลงหลังเผชิญการระบาดมากว่า 2 ปี ทำให้ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจระมัดระวังการใช้เงินพร้อมทั้งมองหาแอร์ราคาถูกลง รวมถึงกล้าลองใช้สินค้าจากแบรนด์อื่น ๆ ที่มีราคาถูกกว่าแบรนด์หลักได้ง่ายกว่าในอดีตด้วย”

นายสราวุธยังคาดการณ์ด้วยว่า สถานการณ์นี้ทำให้การแข่งขันดุเดือดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มกล้าทดลองอยู่แล้ว เปลี่ยนใจจากแบรนด์ที่เล็งไว้ได้ง่ายกว่าปกติ

และกลุ่มระดับกลางที่ตกเป็นเป้าของทั้งแบรนด์ระดับแมสและระดับบน ในขณะที่ทุกแบรนด์ต่างระดมทำการตลาดกันเต็มที่ ชิงลูกค้าเต็มที่ เพื่อสร้างยอดขายเช่นกัน ส่งผลให้มีโอกาสที่แบรนด์จีนหรือแบรนด์ไทยจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าปกติ

สำหรับปัจจัยแข่งขันนั้น ปีนี้ทุกแบรนด์น่าจะหันเน้นสุขภาพ ความคุ้ม ความประหยัด ความทนทาน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นด้านสุขภาพอย่างการกรองฝุ่น ยับยั้งเชื้อไวรัส ระบบล้างตัวเอง

พร้อมเสริมด้วยความทนทาน ระยะเวลารับประกัน รวมถึงการบริการหลังการขาย ในขณะที่การแข่งขันราคาอาจไม่ดุเดือดเหมือนที่ผ่านมาเพราะปัญหาต้นทุนวัตถุดิบ-ขนส่งที่กระทบไปทั่วโลก บีบให้แต่ละแบรนด์ไม่สามารถลดราคาได้มากนัก แต่การทำราคาจะไม่ถึงกับหายไป โดยยังคงมีในกลุ่มที่เน้นจุดขายด้านราคาเป็นหลัก

ออกสตาร์ตเร็ว-บุกหนักทุกมิติ

นายสราวุธกล่าวถึงทิศทางของไดกิ้นในปีนี้ว่า บริษัทเลื่อนกำหนดการทำตลาดให้เร็วกว่าปกติ ด้วยการออกสตาร์ตตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ จากเดิมจะเริ่มกลางมีนาคมหรือเมษายน ก่อนจะทยอยเพิ่มความเข้มข้นขึ้นต่อเนื่องทั้งภาพยนตร์โฆษณา ทัพสินค้าใหม่ ที่เน้นฟังก์ชั่นตอบโจทย์ผู้บริโภค แคมเปญกระตุ้นการขาย การปรับภาพลักษณ์ของพรีเซ็นเตอร์ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ให้มีสีสันและคึกคักมากขึ้น

พร้อมทุ่มงบฯจัดกิจกรรมออนกราวนด์และเดินสายโรดโชว์ทั่วประเทศ มีไฮไลต์เป็นการสร้างการรับรู้และย้ำความเชื่อมั่นในแบรนด์ด้วยภาพยนตร์โฆษณา 3 ชุด เพื่อสื่อความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้อากาศที่สะอาดและสบาย รวมถึงมีทีมช่างมาตรฐานสากลรองรับทั่วประเทศไทย

เริ่มออกอากาศชุดแรกมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนจะตามด้วยอีก 2 ชุดที่สร้างการรับรู้ถึงสินค้าใหม่ในปีนี้และฟังก์ชั่นเด่น ๆ ควบคู่กับการสื่อสารผ่านออนไลน์ เน้นย้ำเรื่องบริการหลังการขาย อาทิ สายด่วนไดกิ้นคูลไลน์ 1271

พร้อมด้วยแคมเปญกระตุ้นการขายช่วง 1 มีนาคม-31 พฤษภาคม ซึ่งให้ส่วนลดสูงสุด 3,000 บาท ลดหลั่นไปตามรุ่น โดยรุ่นระดับบนจะมีสัดส่วนการลดสูงกว่า และหากซื้อตั้งแต่ 3 เครื่องขึ้นไป จะมีส่วนลดพิเศษออนท็อปให้อีก 5,000 บาท

นอกจากนี้ยังเพิ่มการรับประกันอะไหล่ทุกชิ้นส่วนอีกสูงสุด 1 ปี และผ่อนดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือน หรือเท่ากับหากซื้อแอร์ตัวท็อป 3 เครื่องขึ้นไป จะได้ส่วนลดเฉลี่ยประมาณ 5,000 บาทต่อตัว เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนแอร์พร้อมกันทั้งบ้านในคราวเดียว

นอกจากนี้ยังเตรียมงบฯกิจกรรมออนกราวนด์ไว้เต็มที่สำหรับเข้าลุยในทุกจุด ทั้งการลงพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ จัดกิจกรรมกระตุ้นการขายซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำตลาดต่างจังหวัด

ไปจนถึงกิจกรรมกับช่างแอร์เพื่อให้ช่วยโปรโมตแบรนด์ การเทรนนิ่งให้ความรู้เกี่ยวกับการติดตั้ง ลอยัลตี้โปรแกรม ฯลฯ ขณะเดียวกันยังมีการทำตลาดด้านแบรนดิ้งเสริมจากฝั่งโรงงานอีกด้วย

เพิ่มดีกรีเจาะโปรเจ็กต์ไซซ์เล็ก

ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ กล่าวด้วยว่า สำหรับสินค้าใหม่ปี 2565 นี้จะมาพร้อมเทคโนโลยีด้านสุขภาพและการประหยัดพลังงาน ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคตามเทรนด์ของตลาด

อาทิ ระบบฟอกอากาศแบบสตรีมเมอร์ ระบบล้างทำความสะอาดตัวเอง ปรับอุณหภูมิเพิ่ม 2 องศา เมื่อไม่มีคนในห้อง และเสียงการทำงานเบาลงเป็นต้น ส่วนกรณีที่สถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบ-ขนส่งพุ่งสูงทั่วโลก

ทำให้บริษัทต้องปรับราคาสินค้าใหม่เหล่านี้สูงกว่ารุ่นเก่าประมาณ 5-10% เช่นเดียวกับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดที่ปรับไปก่อนหน้าแล้ว แต่เชื่อว่าฟังก์ชั่นใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาจะช่วยสร้างความคุ้มค่าชดเชยกับราคาที่เพิ่มขึ้นได้

“เราไม่ต้องการให้ผู้บริโภคจ่ายเพิ่มขึ้นแต่ได้สินค้าเท่าเดิม จึงเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ ๆที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพและประหยัดพลังงานเข้ามา เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและจูงใจผู้บริโภค” นายสราวุธกล่าวและว่า

ส่วนของลูกค้าองค์กรที่เป็นจุดแข็งของไดกิ้นอยู่แล้ว บริษัทพยายามรักษาเน็ตเวิร์กกลุ่มตัวแทนไว้ โดยจะเพิ่มโอกาสที่จะได้งานโครงการต่าง ๆ ให้มากขึ้น ด้วยการสนับสนุนด้านเทคนิค ข้อมูลความรู้ทางวิศวกรรมต่าง ๆ

เพราะหากตัวแทนได้งาน บริษัทก็ได้ขายสินค้าด้วย และนอกจากกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตอย่างทาวน์โฮม บ้านเดี่ยวแล้ว ยังมีโรงพยาบาล และหน่วยงาน-ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ

ไปจนถึงกลุ่มเมกะโปรเจ็กต์ในเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มความสนใจกับโครงการขนาดเล็กลงเนื่องจากปัจจุบันหลายธุรกิจจะระมัดระวังชะลอการลงทุนโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เงินจำนวนมาก จึงน่าจะทำให้จำนวนโครงการขนาดเล็กที่สามารถคุ้มทุนได้เร็วเพิ่มขึ้นแทน

“เป้าหมายของไดกิ้นปี 2565 นี้ วางเป้าหมายการเติบโตสูงกว่าตลาด เพื่อเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในตลาดระดับกลางถึงบน จากปัจจุบันที่เป็นเบอร์ 2 ด้านจำนวนเครื่อง รองจากอันดับ 1 ไม่ถึง 10% ในขณะที่ราคาห่างกันประมาณ 25% นอกจากนี้ไดกิ้นยังเบอร์ 1 ด้านมูลค่าในตลาดแอร์บ้านด้วย”