‘คาร์มาร์ท’ ฝ่าวิกฤตเมกอัพซบ ชูสกินแคร์-เฮาส์โฮลด์ปั๊มรายได้

โควิดกระทบเมกอัพซบยาว “คาร์มาร์ท” ปรับแผนจัดทัพใหม่เร่งเพิ่มพอร์ต “เพอร์ซันนอลแคร์-เฮาส์โฮลด์-เครื่องหอม” ปั้นสกินแคร์ “โบย่า” ช่วยปั๊มยอด ส่งโลชั่นน้ำหอม-เครื่องหอม รับเทรนด์ลูกค้ายุคโควิด ขนแบรนด์ “เคที่ ดอลล์” สยายปีกบุกญี่ปุ่น พร้อมเล็งตลาดใหม่คูเวตหลังพบศักยภาพเติบโตสูง มั่นใจสิ้นปีหนุนยอดขายโตตามเป้า

นายพงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาดและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้า ส่งออก และจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง อาทิ แบรนด์คาร์มาร์ท (Karmart), เคที่ ดอลล์ (Cathy Doll) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันแม้การระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายลง จะส่งผลให้ยอดขายกลุ่มเมกอัพฟื้นกลับขึ้นมาบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่เท่ากับในอดีต

ต่างจากยอดขายกลุ่มสกินแคร์ที่เติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และหากสังเกตจะพบว่าในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา มีเมกอัพหลาย ๆ รายที่หันมาแตกไลน์และรุกตลาดสกินแคร์มากขึ้น

สำหรับคาร์มาร์ทเอง ที่ผ่านมาได้มีการปรับแผนงานด้วยการเพิ่มพอร์ตสินค้ากลุ่มเพอร์ซันนอลแคร์ เช่น ยาสีฟัน และกลุ่มเฮาส์โฮลด์ กลุ่มเครื่องหอม เพื่อบาลานซ์ความเสี่ยง จากกลุ่มเมกอัพไม่เติบโต

รวมทั้งการนำเข้าชุดตรวจ ATK หน้ากากอนามัย สเปรย์แอลกอฮอล์ เข้ามาทำตลาดเพิ่ม โดยเน้นใช้ภายในองค์กร ส่วนตลาดสกินแคร์ที่มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด บริษัทเริ่มปรับตัวด้วยการพัฒนาสูตรใหม่และเพิ่มช่องทางขายขึ้นมารองรับ และมีการทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป

“ที่ผ่านมาตลาดคัลเลอร์เมกอัพไม่โต โปรโมตไปยอดขายก็ไม่กระเตื้อง เราจึงต้องมองหาสินค้าอื่น ๆ ที่มีศักยภาพมาทดแทน ซึ่งครีมอาบน้ำถือเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์และเลือกมาทำตลาดแทน และความท้าทายของเราจากนี้ไป คือการฟื้นยอดขายให้กลับไปเทียบเท่ายอดขายปีก่อนหน้าที่ไม่มีสถานการณ์โควิด ซึ่งต้องดำเนินงานผ่านสินค้าไลน์อัพใหม่ ๆ ช่องทางการขายใหม่ ๆ และมองหาสินค้าใหม่ทดแทนสินค้าเดิมที่ไม่มีการเติบโต”

ADVERTISMENT

นายพงศ์วิวัฒน์กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางการทำตลาดจากนี้ไป หลัก ๆ จะโฟกัสที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเพอร์ซันนอลแคร์ โดยจะมุ่งไปผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำนวัตกรรมใหม่ ภายใต้แบรนด์โบย่า เป็นหัวหอกในการรุกตลาด ขณะเดียวกันก็มีสินค้าอื่น ๆ เข้ามาเสริม เช่น แชมพูสระผมยาสีฟัน ออรัลแคร์ (ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก)

นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวโลชั่นน้ำหอม และน้ำหอม ภายใต้แบรนด์เคที่ ดอลล์ (Cathy Doll) ทั้งรูปแบบหลอดและแบบซอง ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี และถือเป็นครั้งแรกของบริษัทที่แตกไลน์ทำสินค้ากลุ่มน้ำหอม

ADVERTISMENT

“ในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา เราพบว่า สินค้ากลุ่มน้ำหอม, เครื่องหอม, ก้านหอม, น้ำมันหอมระเหย มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากเทรนด์ความนิยมในช่วงนี้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ WFH อยู่บ้านกันมากขึ้น ทำให้หันมาตกแต่งบ้าน และมองหาสินค้าที่ช่วยผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศ”

นายพงศ์วิวัฒน์ย้ำว่า ปีนี้บริษัทจึงมีแผนจะขยายสินค้าในกลุ่มเครื่องหอมมากขึ้น ทั้งแบรนด์เคที่ ดอลล์ แบรนด์รื่นรมย์ พร้อมปรับปรุงแบรนด์และช่องทางที่หลากหลายสร้างการเข้าถึงหลังจากที่ผ่านมาบริษัทมีการเพิ่มพื้นที่ขายในศูนย์การค้ามากขึ้น จากที่ไม่มีหน้าร้านสินค้ากลุ่มนี้ในเดอะมอลล์และเซ็นทรัล ก็ได้มีการเดินหน้าขยายกว่า 10 สาขาในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ 7-Clean เพื่อรุกตลาดสินค้าเฮาส์โฮลด์โดยเฉพาะ โดยเปิดตัวน้ำยาล้างจานเป็นสินค้าตัวแรกในการทำตลาดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

เนื่องจากกลุ่มสินค้าที่มีการใช้งานอยู่ตลอดเวลาในครัวเรือน และเป็นกลุ่มสินค้าที่มีสรรพคุณในการทำความสะอาดหรือฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส มีแนวโน้มได้รับความนิยมและมีโอกาสจะเติบโตที่ดี ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ครีมอาบน้ำ น้ำยาล้างจาน

ด้านตลาดต่างประเทศปีนี้บริษัทจะยังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดบุกประเทศในแถบอาเซียนต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา ฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ยังจะโฟกัสการทำตลาดไปยังประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น หลังปีที่ผ่านมาสามารถสร้างการเติบโตได้สูงจากสินค้าในกลุ่ม make up แบรนด์เคที่ ดอลล์

และปัจจุบันได้มีการขยายไปในร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำมากกว่า 30 แห่ง นอกจากนี้ยังมีการขยายตลาดใหม่ อาทิ คูเวต ด้วยสินค้ากลุ่มสกินแคร์ของแบรนด์เคที่ ดอลล์อีกด้วย หลังปีที่ผ่านมานำร่องทำตลาดและได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี

ส่วนของเป้าหมายการเติบโต หลังการระบาดของโควิด ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ล็อกดาวน์ ปิดหน้าร้าน ทำให้ยอดขายตกลงมา จึงมีการปรับเป้าการเติบโตให้ราว 10-15% จากปกติที่วางเป้าการเติบโตของยอดขายขั้นต่ำเฉลี่ย 15-20% ต่อปี โดยปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 1,503 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าพอใจแล้ว ซึ่งเป็นการเมนเทนยอดขายให้เทียบเท่าช่วงก่อนโควิดหรือมีการเติบโตเล็กน้อย