เลือกตั้งผู้ว่า กทม. ชัชชาติ-วิโรจน์ สุดแรงในโซเชียล ดันเงินโฆษณาสะพัด 200 ล้าน

มือถือ
PHOTO : PIXABAY

จับตาเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. รอบ 9 ปี “ชัชชาติ-วิโรจน์” สุดแรงเชิงบวกนโยบายแก้ปัญหาน้ำท่วมถูกใจคนกรุงฯมากที่สุด หนุนเม็ดเงินโฆษณาช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาช่องทางออนไลน์โตพุ่ง มั่นใจเงินโฆษณาช่วงเลือกตั้งสะพัด 200 ล้านบาท สื่อนอกบ้านถูกนำมาใช้หาเสียงมากสุด คาดดันเม็ดเงินในอุตฯโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือราว 84,000 ล้านบาทในสิ้นปี

วันที่ 26 เมษายน 2565 เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งแรกในรอบ 9 ปี ก็จะเกิดขึ้น จากกระแสการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่มีมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เริ่มจากการเปิดตัวผู้สมัครออกมาเรื่อย ๆ ทั้งอิสระและสังกัดพรรคการเมือง

ตั้งแต่กระแสชัชชาติในนามอิสระ ตามด้วยสุชัชวีร์จากประชาธิปัตย์ และร้อนแรงมากยิ่งขึ้นในช่วงเดือน 1-2 ที่ผ่านมา หลังกำหนดวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการคือวันที่ 22 พ.ค. และช่วงวันรับสมัครที่มีผู้สมัครทยอยเปิดตัวอีกหลายคน อาทิ วิโรจน์จากก้าวไกล ศิธาจากไทยสร้างไทย รสนา และสกลธี ในนามอิสระ

นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด หรือ MI เปิดเผยว่า รูปแบบการหาเสียง การสื่อสารประชาสัมพันธ์นโยบายของผู้สมัครในครั้งนี้ รูปแบบต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งก่อนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เพราะด้วย 3 ปัจจัยหลัก ๆ

ภวัต เรืองเดชวรชัย
ภวัต เรืองเดชวรชัย

ได้แก่ 1.The Changing Media Landscape : ภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา สื่อทรงพลังอย่างสื่อโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ถูกแทนที่สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียซึ่งกลายเป็นสื่อกระแสหลักของคนเมือง โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และเยาวชน

2.From Linear to Omni Customer Journey : เส้นทางของผู้บริโภคที่เข้ามาสัมผัสกับแบรนด์ เกิดประสบการณ์ในเรื่องต่าง ๆ กับแบรนด์ และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีต่อแบรนด์ เช่น ยอดขาย ก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน คือไม่ได้มีลำดับหรือรูปแบบที่ตายตัวเหมือนแต่ก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการสื่อสารระหว่างตัวผู้สมัครและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

3.New Political Era & New Eligible Voters : การเมืองยุคใหม่ที่ฟอร์มตัวจากปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนาน จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งหน้าใหม่ที่สูงเป็นประวัติกาล ทำให้เกิดการตื่นตัวต่อการติดตามข่าวสาร นโยบายและองค์ประกอบต่าง ๆ ในหลายๆมิติ ของผู้สมัครแต่ละคน รูปแบบและวิธีการหาเสียงจึงต้องสอดคล้องกับยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งมีสิทธิออกเสียงเป็นครั้งแรกกว่า 700,000 คน หรือคิดเป็น 16% ของผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 4.5 ล้านคน

แก้ปัญหาน้ำท่วมถูกใจคนกรุงฯ

ทั้งนี้จากข้อมูล Social Listening ของ WISESIGHT ในช่วงกว่า 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่า “ชัชชาติ-สุชัชวีร์-อัศวิน-วิโรจน์” ถูกพูดถึงและมีส่วนร่วมจากชาวโซเชียลมากที่สุด (ตามลำดับ) บนโลกโซเชียล โดยนโยบายของผู้สมัครที่ได้รับการพูดถึง (engage) มากที่สุดจากโลกโซเชียล คือ 1.ความโปร่งใส 2.บริการสาธารณสุข 3.บำบัดน้ำเสีย 4.บริหารงาน 5.น้ำท่วม

ข้อมูลยังสะท้อนเป็นคะแนนความคิดเห็นของชาวโซเชียลในเชิงบวก โดยผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกคือ “ชัชชาติ-วิโรจน์ และรสนา” ตามลำดับ ทั้งการโพสต์ที่เกี่ยวกับผู้สมัครท่านใดคอมเมนต์ กดไลก์ กดแชร์ (engage) เยอะ และได้รับเสียงตอบรับในเชิงบวก ใครที่มักถูกคอมเมนต์ในเชิงลบ ซึ่งต้องรอดูกันในช่วงค่ำของวันเลือกตั้งหรือวันประกาศผลการเลือกตั้ง ว่าโลกโซเชียลจะสะท้อนโลกความจริงแค่ไหน

ในแง่นโยบายของผู้สมัครแต่ละคน ภาพรวมนโยบายของ ชัชชาติและวิโรจน์ ได้รับการพูดถึง (engage) จากโซเชียลมากที่สุด 2 อันดับแรก ส่วนนโยบายในแง่การแก้ไขและพัฒนากรุงเทพ “เรื่องน้ำท่วม” ดูได้รับความสนใจจากโซเชียลมากที่สุด ตามมาด้วยการพัฒนาโดยองค์รวม และการแก้ปัญหารถติด ตามลำดับ โดยผู้มีที่สิทธิเลือกตั้งแต่ละ Generation (Gen Z, Gen Y, Gen X, Baby Boomer) เสพคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองบนสื่อ Facebook, Twitter, และสำนักข่าวโทรทัศน์เป็นหลัก

และเม็ดเงินโฆษณาเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. น่าจะทำให้ยิ่งชัดเจนได้ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ได้ไม่ยาก หรือประมาณ 84,000 ล้านบาท เฉพาะในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ภาพรวมความคึกคักของเม็ดเงินสื่อโฆษณาซึ่งสำรวจโดย MI Group เพิ่มขึ้นกว่า 15-20% เมื่อเปรียบเทียบเมษายนปีที่แล้ว

โดยที่เม็ดเงินโฆษณา เลือกตั้งน่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 200 ล้านบาท ส่งผลบวกโดยตรงต่อสื่อออนไลน์ สื่อนอกบ้าน (OOH: Digital Billboard, Billboard) และสื่อโทรทัศน์ ตามลำดับ ส่วนเม็ดเงินประชาสัมพันธ์ของผู้สมัครในครั้งนี้น่าจะเน้นไปอยู่ในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การผลิตคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์, การทำพีอาร์, ขบวน Troop และรถแห่, ป้ายหาเสียง (Cut-out) และการจัดปราศรัย (Hyde Park) เป็นต้น