
เปิดเหตุผล สธ. ไม่จ่ายยา “ฟาวิพิราเวียร์” ให้กับผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคน ทำไมต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
วันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสขาดแคลน “ฟาวิพิราเวียร์” ประกอบกับความเข้าใจว่า เมื่อตรวจพบเชื้อโควิด-19 แล้ว จะต้องได้รับยาฟาวิพิราเวียร์มารับประทานทุกคน ทำให้ทางกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพยายามออกมาอธิบายว่า เหตุใดถึงไม่ให้ยาฟาวิพิราเวียร์กับผู้ป่วยทุกคน
ฟาวิพิราเวียร์ ใครได้ใช้บ้าง
ตามแนวทางของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยาฟาวิพิราเวียร์จะเริ่มใช้ในผู้ป่วยระดับสีเขียวอ่อนและระดับสีเหลือง ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงหรือโรคร่วมสำคัญ และภาพถ่ายรังสีปอดปกติ (สีเขียวอ่อน) และผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงหรือมีโรคร่วมสำคัญ หรือผู้ป่วยที่มีปอดอักเสบเล็กน้อย ยังไม่ต้องให้ออกซิเจน (สีเหลือง)
ทำไม? ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจแพทย์
ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า เหตุที่ไม่ให้ยาฟาวิพิราเวียร์กับผู้ป่วยโควิดทุกคน เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงกับผู้ป่วย เช่น อาการตับอักเสบ และหากใช้ยากับผู้ป่วยในวงกว้างเกินความจำเป็น จะส่งผลให้เชื้อดื้อยาได้ ทำให้ยาลดประสิทธิภาพ การให้ยา จึงต้องให้ตามดุลพินิจของแพทย์
เช่นเดียวกับ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล อาจารย์พิเศษ ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ระบุว่า แพทย์จะใช้ยาฟาวิพิราเวียร์กับผู้ป่วยโควิดที่รับไว้ในสถานพยาบาล โดยกรมควบคุมโรคระบุให้ใช้กับผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการของโรค ไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ที่ยังไม่มีอาการ หรือใช้เพื่อเป็นการป้องกันโรค
แล้วยาฟาวิพิราเวียร์จะต้องรอให้มีอาการเท่านั้นหรือไม่ ผศ.นพ.พิสนธิ์ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ที่จะเริ่มใช้ยากับผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่มีอาการบางรายที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง เช่น อายุมาก เป็นเบาหวาน หรืออ้วน เป็นต้น
หรือแม้ไม่มีปัจจัยเสี่ยง แต่มีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงของโรคมากขึ้นก็สามารถใช้ยานี้ได้ทันที
ฟาวิพิราเวียร์ คืออะไร
สำหรับยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาต้านไวรัส มีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส SARS CoV2 ที่เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 ด้วยการออกฤทธิ์ 2 แบบ คือยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสด้วยการขัดขวางการสร้าง RNA ของไวรัส และทำให้เชื้อไวรัสกลายพันธุ์จนภูมิต้านทานในร่างกายมนุษย์สามารถเข้าไปกำจัดไวรัสจนหมด หรือเหลือปริมาณน้อยจนไม่สามารถก่อโรคในร่างกายได้
ผลข้างเคียงจากฟาวิพิราเวียร์
ผู้ที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ ดังนี้
1.การเกิดภาวะตาสีฟ้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีเมลานิน หลังร่างกายดูดซึมยาฟาวิพิราเวียร์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีที่บริเวณจอตา ถุงหุ้มแก้วตา และบางรายอาจมีการเปลี่ยนแปลงของสีเกิดขึ้นบริเวณเล็บและน้ำลายเกิดเป็นสีฟ้าด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันพบว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็น รวมถึงสามารถหายได้เองเมื่อหยุดใช้ยาประมาณ 14 วัน แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังในระยะยาว
2.อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
3.มีผลต่อการทำงานของตับ อาจทำให้ตับอักเสบได้
4.ในหญิงตั้งครรภ์ อาจเสี่ยงเกิดผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หากรับประทานยาในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก