พรีเมี่ยมคาร์เดือดรับไตรมาส 4 ลุยกวาดกำลังซื้อหลังรัฐบาลใหม่ลงตัว

เบนซ์

รถหรูยังแข่งเดือดยอดขาย 7 เดือนแรกทะลุ 2 หมื่นคัน “เบนซ์” ตีปีกขึ้นมายืนหัวแถวแซงบีเอ็มดับเบิลยู เผยมีรถใหม่ลงตลาดต่อเนื่อง เดือนหน้าพร้อมส่ง EV อีก 2 รุ่นเสริมทัพ ด้าน “ออดี้” เผยลูกค้าชะลอรับรถ รอความชัดเจนการเมืองพร้อมจับตาค่าเงินบาทหากทะลุ 39 บาท/ยูโร เสี่ยงขยับราคาอีกรอบ

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานสถิติรถใหม่จดทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบก พบว่าในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.) เฉพาะพรีเมี่ยมคาร์ 6 แบรนด์หลักมียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 21,475 คัน โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ กลับมามียอดจดทะเบียนเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยยอดจดทะเบียนสะสม 8,598 คัน ตามมาด้วย บีเอ็มดับเบิลยู 8,409 คัน, วอลโว่ 2,232 คัน, ปอร์เช่ 1,019 คัน, ออดี้ 806 คัน และ เลกซัส 411 คัน

หากแบ่งประเภทเชื้อเพลิงไฟฟ้า (อีวี) พบว่าทั้ง 6 แบรนด์มีทั้งสิ้น 1,885 คัน โดยในจำนวนนี้จะเห็นว่า วอลโว่มียอดสูงสุด 1,022 คัน ตามมาด้วยบีเอ็มดับเบิลยู 635 คัน, ปอร์เช่ 139 คัน, เมอร์เซเดส-เบนซ์ 46 คัน, ออดี้ 31 คัน และเลกซัส 12 คัน

นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไมซ์ส เทคนิค หรืออาวดี้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า การแข่งขันในตลาดพรีเมี่ยมปีนี้ยังดุเดือด แต่เนื่องจากสถานการณ์โดยรวมทั้งภาวะเศรษฐกิจและความไม่ชัดเจนทางการเมือง ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ทำให้มองว่ายอดขายพรีเมี่ยมคาร์โดยรวมน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงปีก่อน คือ 30,000 คัน ทั้ง ๆ ที่น่าจะไปถึง 35,000 คัน

“เดิมเราหวังว่าหลังเลือกตั้งยอดขายจะดีดขึ้นไปเลย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ แถมลูกค้ายังชะลอรับรถซะอีก แบรนด์อื่น ๆ ก็อยู่ในภาวะเดียวกัน เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่เหลือคงได้เห็นการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น หลังรัฐบาลใหม่ลงตัว”

นายกฤษณะกรยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้อัตราแลกเปลี่ยน “ค่าเงิน” ก็ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการรองรับความเสี่ยงจากอัตราค่าเงินไปแล้ว 3-4% ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากค่าเงินทะลุ 39 บาท ก็อาจจะรับความเสี่ยงไม่ไหวและอาจจะต้องพิจารณาปรับราคาขายอีกครั้งก็เป็นไปได้

สำหรับเป้าหมายยอดขายในปี 2566 เดิมอาวดี้ ตั้งเป้าเติบโตไว้มากกว่า 30% หรือจะมียอดขายที่ 1,600 คัน แต่ปรากฏว่า ตลอดช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายไปได้ ประมาณ 40% ของเป้าหมาย เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าในช่วงเวลาที่เหลือจะต้องทำยอดขายให้ได้อีกอย่างน้อย 60%

ส่วนแผนจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่นั้นในปีนี้จะมีการแนะนำรถอย่างน้อยอีก
2 รุ่น ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถ EV นั้น อาวดี้จะมีการแนะนำรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดในปีหน้าแน่นอน

ก่อนหน้านี้ นายมาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เติบโตกว่า 6% มียอดจดทะเบียนครึ่งปีแรกได้กว่า 7,700 คัน ซึ่งเป็นผลมาจากการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ลงตลาดอย่างต่อเนื่อง และในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ เตรียมเปิดตัวรถยนต์ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้า 100% หรือ EV Portfolio ออกสู่ตลาดอีก 2 รุ่น หลังจากคลอด EQS และ EQB ไปก่อนหน้านี้

“ปัจจุบันเรามีสัดส่วนการจำหน่ายรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ในสัดส่วนคิดเป็นครึ่งหนึ่งของพอร์ตแล้ว เราเชื่อว่ารถกลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริด จะเป็นสะพานเชื่อมต่อไปยังรถยนต์ไฟฟ้า เห็นได้จากยอดขายส่วนนี้ของเราเพิ่มขึ้นทุกปี และลูกค้าให้การยอมรับอย่างต่อเนื่อง”

ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดให้เครือข่ายผู้จำหน่ายสามารถจำหน่ายและให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ครอบคลุมมากกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ