“สยามกลการ” ปรับพอร์ตธุรกิจ บุกอสังหา-ลดน้ำหนักค้าปลีกรถยนต์

สยามกลการปรับทัพลดความสำคัญธุรกิจรถยนต์ มุ่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ลั่นความสัมพันธ์กับนิสสัน ญี่ปุ่น ยังสดใส แจงเหตุลดโชว์รูมและศูนย์บริการ เนื่องจาก “ต้นทุนพุ่ง” แย้มปีหน้าผุดโปรเจ็กต์ใหม่เพียบทั้งใน-นอกประเทศ หลังเทงบฯอีก 2 พันล้าน ผุด”กอล์ฟลอร์ด” แห่งใหม่ สยามคันทรีคลับ พัทยา นิวคอร์ส

ดร.พรเทพ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการ จำกัด และบริษัทในกลุ่ม เปิดเผยถึงแผนธุรกิจว่า จะเน้นขยายพอร์ตด้านอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น จากเดิมที่เน้นค้าปลีกรถยนต์ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มสยามกลการของประเทศไทย และกลุ่มนิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 บริษัทยังคงดำเนินไปด้วยกันอย่างดี และมีทิศทางการดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายเดียวกัน

ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจปรับลดจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์นิสสันลง จากเดิมที่มีอยู่ 13 แห่ง เหลือเพียง 6 แห่งในปัจจุบันนั้น เป็นผลมาจากบริษัทเห็นว่าการดำเนินธุรกิจในฐานะผู้แทนจำหน่ายรถยนต์นั้นมีต้นทุนค่อนข้างสูง และไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ทำให้บริษัทตัดสินใจลดจำนวนโชว์รูม และศูนย์บริการรถยนต์นิสสันที่มีขนาดเล็กลง และเหลือเพียงโชว์รูมและศูนย์บริการขนาดใหญ่ที่ยังคงมีโอกาสทางธุรกิจไว้เพียง 6 แห่งในปัจจุบันได้แก่ สำนักงานใหญ่ปทุมวัน, ลาดพร้าว, บางจาก, บางนา, วิภาวดีฯ, เพชรบุรีตัดใหม่ และประเวศ

“ต้องยอมรับว่าธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์วันนี้มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง แต่เรากับนิสสันญี่ปุ่น ยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดี และมีนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน ที่สยามกลการตัดสินใจลดจำนวนโชว์รูมขนาดเล็กลงไป เพราะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่โชว์รูมจะมีทำเลค่อนข้างดี โดยเฉพาะโชว์รูมขนาดใหญ่ ซึ่งเราก็ยังคงดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง”

เช่นเดียวกับแผนการพัฒนาในส่วนของธุรกิจโชว์รูม และศูนย์บริการรถยนต์ฮอนด้า สาขาปทุมวัน ปัจจุบันบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจในส่วนนี้ และความสัมพันธ์กับฮอนด้าก็ยังคงเป็นไปด้วยดีเช่นเดียวกัน

ดร.พรเทพกล่าวว่า แผนขยายธุรกิจและพัฒนาพื้นที่โชว์รูมและศูนย์บริการนั้น เนื่องจากส่วนใหญ่ทำเลที่ตั้งของโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ของสยามกลการตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถต่อยอดและพัฒนาเพื่อรองรับการขยายธุรกิจของกลุ่มสยามกลการต่อไปในอนาคตซึ่งราวต้นปีหน้าน่าจะมีความชัดเจนและออกมาเปิดเผยรายละเอียดได้ ทั้งในส่วนของธุรกิจภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์

ล่าสุดกลุ่มสยามกลการได้ประกาศลงทุนมูลค่ากว่า 2,122 ล้านบาท เพื่อพัฒนาที่ดินและธุรกิจสนามกอล์ฟ แห่งที่ 4 ภายใต้ชื่อ สยามคันทรีคลับ พัทยา นิวคอร์ส บนพื้นที่ขนาด 660 ไร่ เป็นสนามขนาด 18 หลุม 7,259 หลา พาร์ 72 เพื่อรองรับตลาดและผู้ที่ชื่นชอบกีฬาประเภทนี้ ซึ่งปัจุบันยังถือว่ามีคู่แข่งในธุรกิจนี้ค่อนข้างน้อย จากสถิติพบว่าประเทศไทยมีสนามกอล์ฟไม่ถึง 210 แห่งเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่มีมากกว่า 2,000 แห่งและตลาดในภาคตะวันออกถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีกลุ่มผู้เล่นกีฬาประเภทนี้อยู่เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนต่อเนื่องในส่วนธุรกิจโรงแรม ด้วยการก่อสร้าง “กอล์ฟลอร์ด” ขนาด 70 ห้อง มาตรฐาน 4 ดาวขึ้นอีกแห่ง ภายในพื้นที่เดียวกับสนามกอล์ฟแห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จได้ราวไตรมาส 3 ของปี 2562 ส่วนงบประมาณในการก่อสร้างนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

“สนามกอล์ฟแห่งใหม่เราใช้งบฯในการลงทุนกว่า 2 พันล้าน ซึ่งมากกว่า 3 สนามก่อนหน้านี้รวมกัน เนื่องจากเราต้องซื้อพื้นที่เพิ่มเติมในบ้างส่วนด้วย และเราตั้งเป้าว่าในปีแรกของการเปิดให้บริการของสนามสยามคันทรีคลับพัทยา นิวคอร์ส แห่งนี้จะมีผู้เข้าใช้บริการไม่น้อยกว่า 3.6 หมื่นคน และจะต้องคืนทุนภายใน 7 ปี”

รวมถึงโครงการที่จะลงทุนร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล และธนาคารกรุงเทพ ในการพัฒนาพื้นที่ให้กับมหิดล เพื่อพัฒนาหลักสูตรมิวสิก ออร์เคสตร้า และดนตรีบำบัด ขึ้นในพื้นที่ของสยามคันทรี หลังจากก่อนหน้านี้ได้พัฒนาพื้นที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สำหรับสนามกอล์ฟสยามคันทรีคลับ พัทยา นิวคอร์ส ถือเป็นสนามกอล์ฟแห่งที่ 4 ของกลุ่มสยามกลการ รองจากสยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส, สยามคันทรีคลับ พัทยา แพลนเทชั่น, สยามคันทรีคลับ พัทยา วอเตอร์ไซด์

ปัจจุบันกลุ่มสยามกลการแบ่งธุรกิจออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ 2.กลุ่มอะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์ 3.อุตสาหกรรมและเครื่องจักรกลหนัก 4.การท่องเที่ยวและบริการ 5.การศึกษาและเครื่องดนตรีและ 6.การลงทุน ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อปีไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านเหรียญหรือประมาณ 2.2 แสนล้านบาท