คริส เวลส์ “วอลโว่ไม่เคยหยุดพัฒนา”

สัมภาษณ์

หลังจากเข้ามากุมบังเหียนค่ายรถยนต์สัญชาติสวีดิชตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา “คริส เวลส์” กรรมการผู้จัดการ ประจำ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เพิ่งสบโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับสื่อ

งานนี้นายใหญ่ออกตัวว่า 3-4 เดือนที่ผ่านมา ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการทำความรู้จัก ทำความเข้าใจตลาดรถยนต์เมืองไทย เดินสายพบปะตัวแทนจำหน่าย เพื่อรับฟังข้อมูล รับฟังปัญหา เพื่อนำมาสะท้อนมุมมองการทำตลาดและนำพา “วอลโว่” ให้เติบโตก้าวไปสู่เป้าหมาย โดยระบุชัดว่า จะมีส่วนแบ่งตลาดรถหรูอย่างน้อย 10% ภายในระยะเวลา 2 ปีจากนี้

ลองไปติดตามมุมคิดและทิศทางจากผู้บริหารใหญ่รายนี้ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานร่วมกับวอลโว่มามากกว่า 28 ปี จากตัวแทนจำหน่ายวอลโว่ในอังกฤษ ก่อนที่จะก้าวเข้ามาร่วมงานในฐานะผู้จัดการด้านปฏิบัติการของดีลเลอร์ส่วนภูมิภาค และตำแหน่งล่าสุดผู้อำนวยการตลาดภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

Q : จุดแข็งวอลโว่ไทย

รถยนต์วอลโว่ เป็นรถยนต์สัญชาติสวีเดน ที่มีอายุมาถึง 90 ปีแล้ว ส่วนในประเทศไทย คนไทยรู้จักเรามากกว่า 40 ปี ดังนั้น เรามีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่ต้องพัฒนาปรับปรุงเพื่อให้ดีขึ้นอยู่อย่างสม่ำเสมอ จากนี้ไปวอลโว่จะต้องมีการลงทุนเพื่อรักษาภาพลักษณ์สินค้าความเป็นรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้ถือเป็นความท้าทายสำหรับรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ทั้งหมด บวกกับวอลโว่จะต้องโฟกัสลูกค้า พนักงาน ทีมผู้บริหาร หรือทุก ๆ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรา เพื่อให้ทุกชีวิตที่เกี่ยวข้องกับวอลโว่มีความปลอดภัย ซึ่งแน่นอนว่า เราต้องพัฒนาความปลอดภัยที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และสิ่งที่เราถือว่าเป็นจุดอ่อนที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ เพิ่มความหลากหลายของสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

วอลโว่มีจุดแข็งจากบริการที่ไม่เหมือนใคร วอลโว่ต้องการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าทั้งก่อน-หลังการขาย ที่เรียกว่า Volvo Retail Experience (VRE)

Q : กลยุทธ์ในการขับเคลื่อน

เราวางเป้าหมายชัดเจนว่า วอลโว่จะเป็นแบรนด์รถยนต์พรีเมี่ยมที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นภารกิจท้าทายที่วอลโว่จะขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตด้วยการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่เหนือใครแก่ลูกค้าในประเทศ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ

1.กลยุทธ์ด้านงานขาย โดยได้มีการปรับกลยุทธ์ในการขายที่แข็งแกร่งและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น โดยเพิ่มผู้จัดจำหน่ายจาก 9 ราย เป็น 10 ราย และเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการจาก 12 แห่ง เป็น 14 แห่ง ภายในต้นปีหน้า โดยจะมี 2 สาขาใหม่คือ ถ.วิทยุ และ ถ.แจ้งวัฒนะ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท เพรสทีจ มอเตอร์คาร์ส จำกัด และบริษัท เมอร์ค ออโต้ จำกัด รวมทั้งได้มีแผนการปรับปรุงโชว์รูมภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ Volvo Retail Experience (VRE) เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่แห่งการให้บริการผ่านโชว์รูมหลังปรับโฉมแบรนด์ในปี 2557 เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก และเรามองว่า จำนวนยอดขาย และจำนวนการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายนั้น จะต้องมีความสอดคล้องกันด้วย เพื่อให้เกิดความสมดุล

2.กลยุทธ์ด้านบริการหลังการขาย ถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ในปีนี้มีการแนะนำให้บริการรถยนต์ที่เรียกว่า “Volvo Personal Service” (VPS) การให้บริการใหม่ภายใต้หลักการสำคัญ 3 ข้อ คือ Personal Service Technician (PST), Multi-skilled Team (MST) และ Lean Management (LEAN) เพื่อยกระดับการบริการให้ดียิ่งขึ้น และเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ของเรา

3.กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ จากเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ทุก ๆ สิ่งที่เราคิด เราคำนึงถึงคนเป็นสำคัญ เราต้องการสร้างประสบการณ์พิเศษ สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่จะทำให้ชีวิตของผู้คนนั้นดี และเราเชื่อมั่นในเทคโนโลยี ทั้งด้านความปลอดภัย รถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติ

Q : เป้าหมายในปีนี้

ปัจจุบันเราเป็นค่ายรถยนต์ที่มีการเติบโตสูงสุดถึง 40% ในช่วง ม.ค.-ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมียอดขายที่ 600 คัน และเราตั้งเป้าถึงสิ้นปี จะยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่ 40% เอาไว้ให้ได้ ปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 8% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 4.8% และภายในปี 2563 วอลโว่จะต้องมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 10% ให้ได้อย่างแน่นอน และแผนงานจากนี้ของวอลโว่ คือ ลูกค้า

Q : โอกาสจะได้เห็นโรงงานวอลโว่ในไทย

เราเคยมีโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย วันนี้มีความเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง ในวันนี้วอลโว่คงจะไม่ลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทย แต่สำหรับเรื่องของอนาคตนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ปัจจัยรถยนต์วอลโว่หลัก เรานำเข้ามาจำหน่ายจากมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังมีการซีบียู ซีเคดี หรือเอสเคดี จากสวีเดน เบลเยียม มาด้วย ซึ่งเราตั้งเป้าว่าจากนี้ไปการทำราคาจำหน่ายรถยนต์วอลโว่จะไม่มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะนำเข้ามาจากฐานการผลิตใด เราจะพยายามทำราคาจำหน่ายราคาเดียวให้ได้

Q : มาร์เก็ตแชร์ 10% จะมีรถรุ่นใหม่กี่รุ่น

ตามเป้าหมายที่เราวางไว้ว่า ภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง ถึง 3 ปีจากนี้ วอลโว่จะต้องมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 10% ให้ได้นั้น แน่นอน ความหลากหลายของสินค้า การแนะนำรถรุ่นใหม่ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราก้าวไปในจุดนั้น เราเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ถึง 5 รุ่นหลัก และยังมีรุ่นย่อย ๆ ด้วย โดยล่าสุดมีการเปิดตัว S90 T8 ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และจะมีการเปิดตัว XC60 ในช่วงปลายปี

ก่อนที่ต้นปีหน้าจะมีการนำรถยนต์เอสยูวีขนาดเล็กเข้ามาทำตลาดด้วย ซึ่งจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของวอลโว่ ที่จะมุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ออกสู่ตลาด ทั้งตลาดโลก และประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์แบรนด์ใหม่ที่วอลโว่ได้ประกาศไว้ “We go forward, for you.” หรือ “ก้าวไปไกลกว่า…เพื่อคุณ” นั่นเอง