ORA Good Cat สเป็ก…ไม่ธรรมดา

เวทีรถใหม่

วันที่ 29 ต.ค.นี้ ORA Good Cat จากค่ายเกรท วอลล์ฯ จะอวดโฉมอย่างเป็นทางการ พร้อมวางขายทุกโชว์รูม

สำหรับ ORA Good Cat มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

ตัวแรก ORA Good Cat 400 TECH ที่มาพร้อมสีภายนอก 2 สี ได้แก่ สีดำและสีขาว ขณะห้องโดยสารภายในมาพร้อมเบาะผ้า และโทนภายในสีดำ

ตัวที่สอง ORA Good Cat 400 PRO มาพร้อมสีภายนอก 5 สี ได้แก่ ตัวรถสีแดงหลังคาสีดำ, ตัวรถสีขาว หลังคาสีดำ, สีฟ้า, สีดำ และสีขาว ทั้ง 5 สีเบาะหนัง และโทนภายในสีดำ

และตัวที่สาม ORA Good Cat 500 ULTRA PRO มี 7 สี ได้แก่ ตัวรถสีเขียวหลังคาสีขาว, ตัวรถสีเบจหลังคาสีน้ำตาล, ตัวรถสีแดงหลังคาสีดำ ตัวรถสีขาวหลังคาสีดำ, สีฟ้า, สีดำ และสีขาว

ภายในเป็นเบาะหนังให้เลือก 3 โทนสี ได้แก่ สีดำ, สีเขียว/เทา และสีเบจ/น้ำตาล

ORA Good Cat มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกอันล้ำสมัย แต่แฝงไปด้วยความคลาสสิกเหนือกาลเวลา ภายใต้คอนเซ็ปต์ Retro Futuristic

ไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์แบบ LED เต็มรูปแบบในรูปทรง cat eye ที่โดดเด่นเฉพาะตัว พร้อม daytime running light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ follow me home

ไฟท้าย LED tail light strip ไฟหลังมาในดีไซน์พาดยาวซ้ายจดขวา พร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลังแบบ LED
กระจังหน้าเหนือกาลเวลา กระจังหน้าในดีไซน์สุดคลาสสิกพร้อมระบบ active air intake

ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต : ขนาด 18 นิ้ว สำหรับรุ่น PRO และ ULTRA ขนาด 17 นิ้ว สำหรับรุ่น TECH

ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต และหลังแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง

ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบาย เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัว

ภายในหน้าจอ interactive double screen หน้าจอพาดยาว บริเวณคอนโซลของตัวรถมีขนาด 25 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง แบ่งออกเป็นหน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 7 นิ้ว

และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว

ลำโพงรอบทิศทาง จำนวน 6 ตัว

ระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ สามารถควบคุมการใช้งานฟังก์ชั่นได้ตลอดเวลาด้วยเสียง

หลังคาพาโนรามิกซันรูฟอัจฉริยะ เพิ่มพื้นที่แสงสว่าง และเปิดมุมมองรับชมวิวทิวทัศน์ได้มากยิ่งขึ้น

ฟังก์ชั่นอินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงในรถยนต์ อาทิ การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น ฟังเพลง วิดีโอ

เบาะที่นั่งหลังสามารถพับลงได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 858 ลิตร

เกียร์ระบบ electronic shifter เพื่อลดขนาดพื้นที่คอนโซลกลางให้มีความทันสมัย หรูหรา

มีระบบชาร์จไร้สาย มีระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) รองรับ Apple CarPlay และ Siri รองรับ Android Auto และ Google Assistant ระบบนำทาง

สมรรถนะของรถ

มีมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ permanent magnet synchronous motor ให้กำลังสูงสุด 105 kW หรือ 143 PS แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 152 กิโลเมตร/ชั่วโมง

อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 8 วินาที

ระบบขับขี่ทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ 1) มาตรฐาน 2) sport 3) ECO 4) ECO+ และ 5) อัตโนมัติ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือ

แบตเตอรี่เป็นชนิดลิเทียมไอออนฟอสเฟต ความจุ 788 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร ในรุ่น 400 TECH และ 400 PRO

แบตเตอรี่ชนิดลิเทียม Ternary (NMC) ความจุ 139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร ในรุ่น 500 ULTRA

รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 kW และการชาร์จไฟบ้านแบบ AC 6.6 kW

ส่วนระยะเวลาในการชาร์จ ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0-80%) 45 นาที สำหรับรุ่น 400 และ 60 นาที สำหรับรุ่น 500

ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (30-80%) 32 นาที สำหรับรุ่น 400 และ 40 นาที สำหรับรุ่น 500

ชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC 8 ชั่วโมง สำหรับรุ่น 400 และ 10 ชั่วโมง สำหรับรุ่น 500


น่าใช้ทุกรุ่น ส่วนราคาค่าตัวอดใจรออีกนิด