Market-think : รีเจนซี่

แอลกอฮอล์
คอลัมน์ : Market-think
ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมมีข้อสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง

ทำไม “รีเจนซี่” จึงเริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มนักดื่มที่มีกำลังซื้อสูง

ผมทำหลักสูตร ABC กับ “โจ้” ธนา เธียรอัจฉริยะ

ที่ผ่านมาคนเรียน ABC ที่เป็นนักธุรกิจหรือนักบริหารทั้งรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ นอกจากดื่มไวน์แล้ว จะดื่ม “เหล้านอก” เป็นหลัก

ระดับ “แบล็กเลเบิล” ไม่ค่อยมีคนดื่ม

ส่วนใหญ่จะต้องเป็น “โกลด์เลเบิล” หรือเหล้าประเภท “ซิงเกิลมอลต์”

แต่ช่วง 2-3 ปีนี้ คนกลุ่มนี้เปลี่ยนมาดื่ม “รีเจนซี่” เป็นหลัก

บนโต๊ะในงานเลี้ยงจะมี “รีเจนซี่” วางคู่กับไวน์ยี่ห้อต่าง ๆ

ทั้งที่กำลังซื้อของคนกลุ่มนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมาก

ในฐานะคนที่ไม่ใช่ “นักดื่ม” ผมพยายามถามน้อง ๆ นักดื่มว่า ทำไมถึงเปลี่ยนมาดื่ม “รีเจนซี่”

คำตอบก็ไม่ชัดเจน

ส่วนหนึ่งบอกว่า ดื่ม “รีเจนซี่” แล้วไม่แฮงก์

บางคนก็บอกว่า ช่วงหลัง “เหล้านอก” ปลอมเยอะ

แต่ทั้ง 2 เหตุผลก็ยังไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไรนัก

เพราะเรื่องคำร่ำลือว่า ดื่ม “รีเจนซี่” แล้วไม่แฮงก์ตอนเช้า เป็นเรื่องที่บอกต่อ ๆ กันนานมาแล้ว

ส่วนเรื่อง “เหล้าปลอม” ตอนหลัง “รีเจนซี่” ก็เริ่มมีปลอมมากขึ้น

ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เพราะ “รีเจนซี่” เป็นสินค้าที่ขาดตลาดมานานแล้ว

ผลิตเท่าไรก็หมด

ราคาก็ขยับขึ้นเรื่อย ๆ

ล่าสุดเพิ่งขยับราคาครั้งใหญ่ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ที่สำคัญ มีช่องว่างราคาระหว่างร้านสะดวกซื้อ หรือโมเดิร์นเทรด กับร้านค้าทั่วไปสูงมาก

ประมาณขวดละ 100 บาท

ว่ากันว่า พนักงานเซเว่นฯจะมีรายได้พิเศษจาก “ลูกค้าประจำ” ให้ช่วยเก็บ “รีเจนซี่” ให้หน่อย

เพราะหาซื้อราคานี้ยาก

สถานการณ์แบบนี้ไม่ปลอมก็แปลกแล้ว

“รีเจนซี่” เป็นเหล้าประเภท “บรั่นดี” ที่มีไม่กี่ยี่ห้อในเมืองไทย

ครองตลาด “บรั่นดี” ประมาณ 85%

“บรั่นดี” เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีความพิถีพิถันเป็นพิเศษเพราะต้องบ่มในถังไม้โอ๊ค เป็นเวลา 3 ปี

แต่การดื่มบรั่นดีในเมืองไทย ไม่เหมือนกับต่างประเทศ

ตามปกติ คนต่างชาติจะดื่มเพียว ๆ

แต่คนไทยดื่ม “บรั่นดี” เหมือนกับวิสกี้

คือ ใส่น้ำแข็ง ผสมโซดาหรือน้ำ

ตลาด “บรั่นดี” จึงกินตลาดวิสกี้ด้วย

การที่ “รีเจนซี่” ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องกำลังการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้เกิด “ช่องว่าง” ทางการตลาด

และเป็นเหตุผลที่ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” แห่งคาราบาวแดง เห็น “โอกาส”

เขาดึงมือปรุงบรั่นดีของ “รีเจนซี่” มาทำ “บรั่นดี” ยี่ห้อ “แกแล็กซี่”

เจาะช่องว่างตลาดนี้โดยตรง

แต่ไม่ได้มองแค่ตลาดบรั่นดีที่มีมูลค่าไม่ถึงหมื่นล้าน

เขามองถึงโอกาสที่จะไปกินตลาดวิสกี้ ซึ่งมีมูลค่าแสนล้านบาทด้วย

ตามธรรมชาติหลักการตลาดพื้นฐาน ถ้าสินค้าไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค

ลูกค้าอยากดื่ม แต่หาของไม่ได้

คนก็จะทดลองสินค้าประเภทเดียวกันตัวใหม่ทันที

ถ้ารสชาติทดแทนกันได้ เขาก็จะเปลี่ยนไปซื้อสินค้าใหม่ที่หาซื้อง่าย

ยิ่งตอนนี้ “รีเจนซี่” กินตลาดไปถึงลูกค้าระดับบนด้วย

มูลค่าตลาดกลุ่มนี้ใหญ่มาก

ถ้าพึงพอใจก็พร้อมจ่ายแพง

ไม่รู้ว่าเหตุผลหนึ่งที่ “รีเจนซี่” ขาดตลาดหนักขึ้น

เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ลงมากว้านซื้อเก็บตุนไว้ด้วยหรือเปล่า


คงต้องติดตามและหาคำตอบกันต่อไป