คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับที่สื่อบางสำนักใช้คำว่า “มติประวัติศาสตร์”
นั่นคือ เรื่อง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลเสนอ
- “พลังงานไฮโดรเจน” ถูกกว่าน้ำมัน 60% ไทยเริ่มศึกษาแต่ เยอรมัน กำลังจะเลิกใช้
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
พ.ร.บ.นี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรวาระที่ 1 ไปแล้วครับ
ผิดความคาดหมายมาก
เพราะคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะโหวตคัดค้านตามแนวทางของรัฐบาลที่จะดึงถ่วง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า
ก่อนหน้านี้ก็ดึงถ่วงขอนำเรื่องไปพิจารณา 3 เดือนก็นำเข้าสภา
แต่ปรากฏว่า ส.ส.รัฐบาลจำนวนไม่น้อยยกมือหนุน พ.ร.บ.ฉบับนี้ของพรรคก้าวไกลจนผ่านวาระที่ 1
ใครที่อยู่ในแวดวงสุรา-เบียร์ จะรู้ดีว่าการจะผลิตเหล้าหรือเบียร์ในเมืองไทยนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
น่าจะยากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกอุตสาหกรรม
“เหล้า-เบียร์” เป็นอุตสาหกรรมที่ผูกขาดอย่างแท้จริง เพราะมีเจ้าใหญ่อยู่ไม่กี่เจ้า
และเจ้าใหญ่นี้ก็เป็นนายทุนใหญ่ของพรรคการเมือง
และเป็น “เจ้าที่” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของกรมสรรพสามิต-กรมโรงงานอุตสาหกรรมมายาวนานกว่า 30-40 ปี
เคยสังเกตไหมครับว่าอธิบดีกรมสรรพสามิตแทบทุกคน เมื่อเกษียณอายุราชการจะมีงานใหม่รองรับทันที
หากไม่เป็นที่ปรึกษา ก็เป็นกรรมการบริษัทในเครือของยักษ์ใหญ่วงการสุรา
ถ้าใช้ศัพท์วงการข้าว เขาเรียกว่า “ตกเขียว” ครับ
ทำแบบนี้มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนที่อยู่ในกรมนี้รู้เลยว่าถ้าดูแลผมตอนที่มีตำแหน่ง
เมื่อเกษียณแล้วผมจะดูแลคุณเอง
ส่วนกลยุทธ์การผูกขาดนั้น ใช้วิธีการให้รัฐตั้งกฎระเบียบที่เหมือนกำแพงสูงลิ่ว ไม่ใช่แค่เพียงคนธรรมดาทั่วไปจะปีนข้ามไปไม่ได้แล้ว
แม้แต่นักธุรกิจใหญ่รายอื่นก็เข้ามาไม่ได้
เพราะไม่ใช่เพียงแค่เงินทุนจดทะเบียน ขนาดโรงงาน กำลังการผลิตมหาศาลเท่านั้น
ยังมีเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อมและอื่น ๆ อีกมากมาย
อุตสาหกรรมเหล้า-เบียร์ มียอดขายระดับหมื่นล้านบาท เชื่อเถอะครับมันเย้ายวนใจ นักธุรกิจคนไหนก็อยากเข้ามา
แต่ทำไมไม่มีใครเข้ามาแข่งเลย
คำตอบง่าย ๆ ก็คือ เพราะเข้ามาไม่ได้
กำแพงอุปสรรคที่เจ้าใหญ่สร้างขึ้นมานั้นสูงลิบลิ่ว ระดับที่นักธุรกิจใหญ่ ๆ รายไหนก็เข้ามาไม่ได้
ไม่ใช่แค่ประชาชนคนธรรมดาเท่านั้น
ทั้งที่ประเทศอื่น การผลิตเหล้าหรือเบียร์นั้นเหมือนกับสินค้าธรรมดาทั่วไป
ยิ่งมีการแข่งขัน สินค้าก็จะมีความหลากหลาย คุณภาพก็ยิ่งดีขึ้น
เราสามารถพัฒนาจนกลายเป็นสินค้าส่งออกไปสบาย ๆ เลยครับ
เพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม
“วัตถุดิบ” ของเราหลากหลายมาก
ถ้าญี่ปุ่นมีเหล้าสาเกที่ผลิตจากข้าวเป็นหมื่นยี่ห้อ และส่งออกกว่า 90%
ทำไมเราจะทำไม่ได้
การเปิดเสรีสุราจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับ “ข้าวไทย”
ช่วยแก้ปัญหาข้าวล้นตลาด ราคาต่ำจนรัฐบาลต้องประกันราคาข้าว หรือจำนำข้าว
เช่นเดียวกับสินค้าเกษตรอื่น ๆ สับปะรดที่บ่นว่าตกต่ำเหลือกิโลละ 1 บาท
หรือลำไยที่ถูกล้งเท กดราคาซื้อ
แค่เปิดประตู ทำลายกำแพงผูกขาดนี้ได้ เราจะมีทางเลือกใหม่ให้กับสินค้าเกษตร
ขายเป็นผลไม้ปกติ หรือหมักทำไวน์
มูลค่าต่างกันมากนะครับ
ตอนนี้คนไทยที่มีฝีมือทำคราฟต์เบียร์ที่ได้รางวัลระดับโลก ต้องไปผลิตคราฟต์เบียร์ที่ประเทศเพื่อนบ้านไทย
ผลิตเสร็จแล้วส่งเข้ามาในเมืองไทย
เสียภาษีนำเข้าเหมือนเป็นเบียร์นอก
ทั้งที่ประเทศอื่น เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา เป็นสินค้าตัวหนึ่งที่ใคร ๆ ก็ผลิตได้
จับตาเรื่อง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าให้ดีนะครับ
ชนะในวาระ 1 ไม่ใช่จะชนะในวาระต่อไปง่าย ๆ
สงครามครั้งนี้เดิมพันสูงมาก
ไม่ง่ายครับ ไม่ง่าย