ปรับ “ฮวงจุ้ย” ทำเนียบ ยึดพิชัยสงคราม รบสารพันปัญหา

อาคารรับรองหลังใหม่ที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการให้สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบตึกไทยคู่ฟ้า “อินิเชียล โกทริก” ใกล้เสร็จแล้ว

อาคารรับรองหลังนี้ใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 137,371,700 บาท

ขณะนี้เหลือเพียงการเก็บงานในรายละเอียดเล็กน้อย พร้อมกับปรับภูมิทัศน์ตามฮวงจุ้ย คาดว่าจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปลายเดือนสิงหาคมนี้

การปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบทำเนียบรัฐบาลมีมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัยและทุกรัฐบาล โดยปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์และโหงวเฮ้ง ดวงดาวหรือราศีของผู้บริหารในรัฐบาลนั้นๆ

ส่วนการปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการปรับปรุงซ่อมเเซมของเดิมให้ดีขึ้นแล้ว ในแง่หนึ่งก็เป็นการปรับฮวงจุ้ย เสริมดวงเสริมบารมีให้รัฐบาล โดยเฉพาะผู้นำ เพื่อหวังลดปัญหาและอุปสรรคในการทำงานที่จะทำให้การทำงานทุกอย่างประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ในรัฐบาล คสช. มีการปรับภูมิทัศน์แล้วหลายครั้ง ใช้งบประมาณไปกว่า 300 ล้านบาท

เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 หลังการยึดอำนาจรัฐประหารเพียง 3 เดือน มีการปรับปรุงอาคารสถานที่ในทำเนียบรัฐบาล เป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่หลังมวลมหาประชาชน ภายใต้การนำของ กำนันŽ สุเทพ เทือกสุบรรณ ในนามเลขาธิการ กปปส.บุกยึดทำเนียบรัฐบาล

การปรับปรุงครั้งนั้น เริ่มจากตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นอาคารทำงานของนายกรัฐมนตรี มีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ โดยใช้แรงดันน้ำฉีดคราบสกปรกที่เกาะตามผนังปูนออก แต่ไม่ได้ทาสีใหม่ เพราะต้องการคงสีเดิมไว้ให้มากที่สุด

พร้อมกันนี้ยังประดับตกแต่งต้นไม้และดอกไม้เพื่อความสวยงาม

ถัดมาคือห้องแถลงข่าวของรัฐบาล หรือ “อาคารนารีสโมสร” มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ โดยทาสีใหม่ทั้งหมด เปลี่ยนฝ้าเพดาน เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงอาคารอื่นๆ เช่น ตึกสันติไมตรี อาคารที่มีไว้จัดประชุมใหญ่และจัดงานเลี้ยง

เมื่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลเมื่อเดือนกันยายน 2557 “บิ๊กอ้อ”พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อนสนิทร่วมรุ่น “บิ๊กตู่” ได้สั่งให้ปรับปรุงอาคารต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ไม่เว้นห้องผู้สื่อข่าว หรือ “รังนกกระจอก” ซึ่งมีอยู่ 3 ห้อง โดย 2 ห้องมีปรับปรุงใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นพื้น ฝ้า ไฟ แอร์ กระจก หลังคา

สี รวมถึงทัศนียภาพภายนอก เช่น ต้นไม้ ม้านั่งหินอ่อน เป็นต้น

ส่วนอีก 1 ห้องที่เหลือ เน้นปรับแค่ภายนอก โดยทำหลังคาครอบห้องเก่าให้เชิงชายคายื่นยาวออกมาเพื่อกันแดด พร้อมกันนี้ใช้ต้นโมก ทำเป็นกำแพงกั้นห้องนี้ไว้ เพราะมองว่าห้องผู้สื่อข่าวหลังนี้ ดูขัดกับอาคารอื่นๆ ในทำเนียบ ดูแล้วขัดตา จึงต้องปิดไว้ไม่ให้เห็น

การปรับภูมิทัศน์ของรัฐบาล คสช. ดูรวมๆ แล้ว จะเป็นไปตามวิธีคิดและทรรศนะแบบทหาร ที่เมื่อเห็นอะไรไม่เข้าตา ก็จะสั่งการปรับปรุงแก้ไข เช่นเดียวกับหน่วยทหารที่ผู้บังคับบัญชาจะสั่งการให้ปรับปรุงแก้ไขอย่างต่อเนื่อง วิธีคิดแบบทหารคือต้องพัฒนาหน่วยไม่ได้หยุดหย่อน เพื่อให้หน่วยทหารเป็นระเบียบ สะอาดตา

ตึกบัญชาการ 1 และ 2 เป็นอีกหนึ่งอาคารที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไข ตึกนี้มีห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรีทุกคน และห้องของรัฐมนตรีประจำสำนัก

นายกฯ เป็นตึกที่ไม่อิงสถาปัตยกรรมเหมือนอาคารอื่นๆ อย่างตึกไทยคู่ฟ้าและตึกสันติไมตรี แต่สร้างขึ้นมาเพื่อการงานจริงๆ ตัวตึกจึงดูเรียบๆ

อย่างไรก็ตาม หลังรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามา ได้มี “โครงการตกแต่งตึกบัญชาการ 1-2” ควบคุมการก่อสร้างโดยกรมศิลปากร ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 31,220,000 บาท มีบริษัท กันต์กนิษฐ์ ก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้รับเหมา

เดิมทีมีระยะเวลาก่อสร้างตั้งแต่เดือนมีนาคม 2559 ถึงวันที่ 21 มกราคม 2560 แต่เมื่อยังไม่แล้วเสร็จ จึงต้องขยายเวลาออกไปอีก จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ

โครงการก่อสร้างดังกล่าวมีลักษณะคล้าย “โครง” ครอบตึกบัญชาการ 1 และ 2 “โครง” นี้คล้าย “เคสมือถือ” แต่เป็น “เคส” ครอบด้านหน้าของตึก ซึ่งจะบังตัวอาคารเก่าทั้งหมด เพื่อให้ตึกบัญชาการ 1 และ 2 เป็นสถาปัตยกรรมโบราณเหมือนอาคารอื่นๆ โดยรอบ

โครงสร้างนี้ถูกตั้งคำถามถึงความจำเป็น เช่นว่าในเมื่อวัตถุประสงค์แรกเริ่มไม่ได้ต้องการให้ตึกบัญชาการเป็นสถาปัตยกรรมโบราณ แต่ให้เหมาะแก่การใช้งาน โดยตึก 5 ชั้นนี้ นอกจากจะมีห้องทำงานของรองนายกฯและรัฐมนตรีแล้ว ยังมีห้องของคณะทำงาน ห้องประชุม ฯลฯ แน่นอนสิ่งที่ได้จากการทำ “โครง” รอบตึกคือความสวยงาม แต่ก็หลีกเลี่ยงความสิ้นเปลืองไม่ได้

เช่นเดียวกับอาคารรับรองหลังใหม่ที่ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 137 ล้านบาท ก็ถูกตั้งคำถามถึงความจำเป็น โดย พล.อ.วิลาศ ให้เหตุผลในการก่อสร้างว่า เพื่อรองรับแขกสำคัญจากต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นหน้าตาของประเทศด้วย

แต่ทว่าโดยปกติแล้ว เมื่อมีแขกมาเยือน นายกรัฐมนตรีก็จะใช้ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทำเนียบให้การต้อนรับ ส่วนการจัดงานเลี้ยงต้อนรับ โดยปกติก็จะใช้ตึกสันติไมตรี

ทั้งที่ปัจจุบันตึกสันติไมตรีก็ใช้งานแค่บางวัน เฉลี่ยแล้ว 1 สัปดาห์จะถูกใช้ประชุมไม่เกิน 3 วัน ไม่นับรวมที่ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ออกกำลังกายทุกวันพุธอีก 1 วัน

อีกประการสำคัญคือ อาคารรับรองหลังใหม่ตั้งอยู่หลังตึกไทยคู่ฟ้า จากเดิมด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้าเปิดโล่งให้มองเห็นความสวยงามของอาคารโบราณได้ แต่เมื่อสร้างอาคารรับรองหลังใหม่อยู่ด้านหลัง ย่อมจะมองไม่เห็นด้านหลังของตัวอาคาร

การจัดสวนบริเวณโดยรอบอาคารรับรองหลังใหม่ ได้เจ้าเก่าอย่าง “สวนนงนุช” มาจัดเรียงต้นไม้สลับสูงต่ำลักษณะคล้ายกับภูเขา เพื่อเป็นการแก้ฮวงจุ้ย เนื่องจากมองว่าทำเนียบรัฐบาลถูกล้อมรอบด้วยน้ำ แต่ไม่มีภูเขา

นอกจากนี้ ยังวางต้นไม้พันธุ์ต่างๆ อาทิ ต้นพวงทอง ต้นประยงค์ ชาฮกเกี้ยน แก้ว ต้นสนสไตล์เวนิส เพื่อความร่มรื่นและง่ายต่อการดูแลรักษา

อย่างไรก็ตาม การปรับภูมิทัศน์เพื่อเสริมดวงเสริมบารมีที่เห็นได้ชัดสุดในรัฐบาล คสช. เห็นจะเป็นเมื่อครั้งที่มีการนำอ่างบัวและบัวสีมาประดับกว่า 10 อ่าง เพื่อเสริมสิริมงคล ความร่มเย็นของผู้นำประเทศ

อีกทั้งเป็นไปตามตามตำรา “พิชัยสงคราม” ที่ผู้บัญชาการรบมักนิยมจัดทัพในรูปแบบของดอกบัว หรือที่เรียกว่า “ปทุมพยุหะ” ซึ่งเป็นแผนการรบที่ได้ประสิทธิภาพอย่างสูงในอดีต

การปรับฮวงจุ้ยในทำเนียบรัฐบาล จะเป็นไปตามสถานการณ์เพื่อเสริมบารมีผู้นำและความเชื่อที่ว่าจะทำให้การทำงานของรัฐบาลลุล่วงด้วยดีในแต่ละห้วงเวลา

ด้วยสถานการณ์ข้างหน้ายังมีอุปสรรคและขวากหนามท้าทายให้ผู้นำและรัฐบาลแก้ไขอีกไม่น้อย ดังนั้น เชื่อว่าคงจะเห็นการปรับฮวงจุ้ยในทำเนียบรัฐบาลอีกเป็นแน่แท้

 

ที่มา : มติชนออนไลน์