สุเทพ ไม่หนี-ไม่กังวล คดีทุจริตประมูลโรงพักทั่วประเทศ แจ้งกำหนดการไปฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง
วันที่ 19 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีประมูลสถานีตำรวจ 396 แห่ง ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทน และโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ) ในวันที่ 20 กันยายน 2565 เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ โดยในเวลา 08.30 น ของวันที่ 20 กันยายน นายสุเทพได้แจ้งกำหนดการต่อสื่อมวลชนว่าจะเดินทางไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (สนามหลวง) เพื่อรับฟังการอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าวด้วยตนเอง พร้อมจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเข้าฟังคำพิพากษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทน และโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ) อัยการสูงสุด เคยสั่งไม่ฟ้อง พร้อมส่งสำนวนคืนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องเอง โดยระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน 2552-18 เมษายน 2556 จำเลยที่ 1 และที่ 2 เปลี่ยนแปลงแนวทางจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง
จากราคาจัดซื้อจัดจ้างระดับภาค แยกสัญญามาเป็นการรวมจัดจ้างก่อสร้างไว้ที่ส่วนกลางสัญญาเดียว จำเลยที่ 5 เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยจำเลยที่ 6 ยื่นเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคา ได้เสนอราคาต่ำอย่างผิดปกติ จำเลยที่ 3-4 ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคา ไม่ตรวจสอบราคาที่ผิดปกติดังกล่าว และได้นำเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคานั้นไปใช้ในการขออนุมัติจ้างและใช้ประกอบเป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา
ต่อมาจำเลยที่ 5 ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลงโทษจำเลยที่ 3, 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10, 12 กับลงโทษจำเลยที่ 5, 6 ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิด
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ศาลฎีกาคดีนักการเมืองได้นัดพิจารณาครั้งแรก และได้อ่านอธิบายคำฟ้องพร้อมสอบคำให้การ จำเลยทั้ง 6 ให้การปฏิเสธข้อต่อสู้คดี โดยนายสุเทพระบุว่า ได้ต่อสู้คดีนี้มากว่า 6 ปี และได้ส่งคำให้การจำนวน 31 หน้า
และศาลจึงได้กำหนดวันนัดไต่สวนพยานโจทก์ 3 นัด ครั้งเเรกวันที่ 2, 30 มิถุนายน เเละวันที่ 7 กรกฎาคม นัดไต่สวนพยานจำเลยวันที่ 19, 21, 26 กรกฎาคม 2565 จนเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจึงนัดคู่ความฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 กันยายน 2565
ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความนายสุเทพ กล่าวว่า ในวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาพรุ่งนี้ นายสุเทพมีความพร้อมที่จะเดินทางไปรับฟังคำพิพากษา ในส่วนของจำเลยคนอื่นนั้น เมื่อศาลนัดแล้วและเป็นการนัดล่วงหน้าเป็นเดือนทุกคนก็คงต้องมีความพร้อม
ในส่วนเนื้อหาของคดีนั้น นายสุเทพและทีมกฎหมายไม่มีความกังวลใจ เพราะไม่มีอะไรต้องกังวล เนื่องจากเราได้เสนอข้อเท็จจริงให้ศาลไปทั้งหมดแล้ว เรามั่นใจในข้อเท็จจริงที่เราให้ศาล ส่วนคำพิพากษาจะออกมาเช่นไร เราไม่อาจรู้ได้ เพราะเป็นเรื่องของศาล แต่เรามั่นใจในความมีอยู่ของข้อเท็จจริงที่เราได้นำเสนอไป
ส่วนถ้าหากผลคำพิพากษาออกมาไม่เป็นคุณกับฝ่ายจำเลยนั้น ทนายความทุกคดีที่เราต้องมีการเตรียมพร้อมเรื่องหลักประกัน โดยหลักทรัพย์เดิมที่มีอยู่ที่ศาลก็ใช้ได้อยู่เเล้ว ซึ่งพรุ่งนี้ก่อนเข้าฟังคำพิพากษา นายสุเทพก็พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนตามที่สื่อมวลชนได้มีการขอมา