กกต. รับลูก ให้นายทะเบียนพรรค สอบปมรับเงินบริจาค 3 ล้านบาทจากนายทุนผับจีน ว่าเข้าข่ายยุบพรรคหรือไม่? ด้าน สมชัย อดีต กกต. ชี้ หากศาล รธน.เห็นด้วย มีสิทธิยุบและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคตลอดชีวิต
วันที่ 28 ตุลาคม 2565 ข่าวสดรายงานว่า แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยอมรับว่านายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ นายทุนจีนที่ได้รับสัญชาติไทย เชื่อมโยงกับผับคนจีนย่านยานาวา ที่ถูกตำรวจบุกทลายปาร์ตี้ยาเสพติด พบมีชื่อบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3 ล้านบาทเมื่อปี 2564 ว่า
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พ.ศ. 2564 ข้อ 4 กำหนดให้เมื่อมีผู้ร้องหรือข้อเท็จจริงปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ว่ามีพรรคใดกระทำการอันอาจเป็นเหตุให้ยุบพรรค ทางนายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทันที
ดังนั้น กรณีนี้นายทะเบียนพรรคการเมือง หรือเลขาธิการ กกต.จะดำเนินการตรวจสอบ และรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานก่อน หากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดอันเป็นเหตุให้ยุบพรรค นายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะเสนอความเห็นต่อ กกต. เพื่อพิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์ข้อความถึงกรณีการรับเงินบริจาค 3 ล้านบาท จากนายทุนสถานบันเทิงผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ถ้า กกต.รู้ร้อนรู้หนาว เกี่ยวกับกรณีเงินบริจาค 3 ล้านของ พปชร. ที่อาจจะเชื่อมโยงกับธุรกิจผิดกฎหมาย หรือผู้บริจาคอาจเป็นคนต่างชาติ
1.กกต.สามารถสั่งการให้นายทะเบียนพรรคการเมือง คือเลขาธิการ กกต.สอบข้อเท็จจริงได้ทันที โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง
2.นายทะเบียนพรรคการเมือง สามารถตรวจหลักฐานเงินบริจาคของพรรคการเมืองได้ และขอตรวจสอบสัญชาติผู้บริจาคจากกระทรวงมหาดไทย และขอตรวจสอบเส้นทางการเงินจาก ปปง.
3.หากพบการกระทำผิดกฎหมาย ตามมาตรา 72 (รับเงินสีเทา) มาตรา 74 (รับเงินต่างชาติ) นายทะเบียนสามารถนำเรื่องเข้าที่ประชุม กกต.เพื่อมีมติ ส่งศาลรัฐธรรมนูญ
4.หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นด้วย สามารถมีคำวินิจฉัยยุบพรรค และตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตแก่กรรมการบริหารพรรคที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาดังกล่าวได้ ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 92 (3)
5.หาก กกต.ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก็ 157 และร้อง ป.ป.ช.ประเด็นจริยธรรมได้”