ธรรมนัส กลับเข้าพลังประชารัฐแล้ว ดัน ประวิตร เป็นนายกฯ คนที่ 30

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

ธรรมนัส กลับรังเก่า พลังประชารัฐ ครั้งแรกในรอบ 1 ปี ก้าวข้ามความขัดแย้ง ดัน ประวิตร นั่งนายกฯ คนที่ 30-กวาด ส.ส. 8 จังหวัดภาคเหนือ เข้าสภามากที่สุด จ่อดันที่ดิน ส.ป.ก. เป็นโฉนด แก้ปัญหาที่ดินทำกิน

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพรรคพลังประชารัฐครั้งแรกหลังจากพรรคพลังประชารัฐมีมติขับออกจากพรรคเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2565 ว่า ในรอบ 1 ปีก็ว่าได้ที่ไม่ได้เข้ามา

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดถึงบ้านเก่าหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า จริง ๆ ก็ผูกพันกับพี่น้องอยู่แล้ว และได้คุยกันอยู่แล้ว ถามว่าคิดถึงบ้านเก่าหรือไม่ ก็คิดถึง

เมื่อถามว่ากลับมาครั้งนี้สามารถทำงานกับทุกคนในพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมไม่ได้เป็นคนที่หาเรื่องคน ฉะนั้นนโยบายของท่านหัวหน้า (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ) ชัดเจนว่า ก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นอะไรที่มันผ่านไปแล้วให้ผ่านไปกับปีเก่า เริ่มต้นใหม่ ทุกเรื่อง ทุกประเด็น

เมื่อถามว่า การกลับเข้ามาพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้ได้รับมอบหมายให้มาช่วยดูแลในเรื่องใด ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เนื่องจากตนเป็น ส.ส.แบบเขตอยู่แล้ว คุ้นเคยกับพื้นที่ภาคเหนืออยู่แล้ว ก็คงจะช่วยเหลือภาคเหนือตอนบน

เมื่อถามว่า ตั้งเป้าได้รับเลือกตั้ง ส.ส.ภาคเหนือกี่ที่นั่ง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้เรายังไม่เห็นหน้าคู่แข่งว่าเป็นใครบ้าง รอให้มีความชัดเจนก่อนถึงจะทราบว่ากี่เขต แต่สำหรับเขตพะเยา พื้นที่เดิมของตน ตนหวัง ซึ่งการวางตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 8 จังหวัดภาคเหนือ เตรียมพร้อมไว้แล้ว 100%

เมื่อถามว่าเข้ามาแล้วจะไม่เอาคนเดิมออกใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่า สถานการณ์ทางการเมืองเมื่อปี 2562 กับปี 2566 ต่างกันมากหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า สถานการณ์การเมืองปี 2562 กับปี 2566 แตกต่างกันมาก เนื่องจากคู่ต่อสู้ต่าง ๆ เตรียมตัวดี ทุกพรรคเตรียมตัวมา 4 ปี รวมทั้งพรรคพลังประชารัฐด้วย เพราะฉะนั้นคู่แข่งก็จะแข็ง

เมื่อถามว่า ดูแล้วหนักกว่าเที่ยวที่แล้วมากหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ถ้าเป็นพื้นที่ที่ผมดูแลอยู่ ผมไม่หนักใจ ผมว่าผมพอจะดูแลพี่น้องได้

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งรอบนี้จะสามารถสร้างนายกรัฐมนตรีคนต่อไปได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองก็หวังว่าจะสามารถทำได้

เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงว่าจะดัน พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ คนที่ 30 ได้ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ก็ตามที่พวกเราได้รับทราบอยู่ตลอดว่า พวกเราพยายามจะผลักดัน พล.อ.ประวิตรเป็นผู้นำของประเทศ ในสถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้ ผมว่า ท่าน (พล.อ.ประวิตร) เหมาะสมที่สุด

เมื่อถามว่า ภาคเหนือพื้นที่ที่ได้รับผิดชอบไม่ได้ห่วงเรื่องแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ห่วง ผมทำพื้นที่ผม ผมรู้จัก ซึ่งภาคเหนือสำคัญ โดยเฉพาะ 8 จังหวัดภาคเหนือ สิ่งที่ผมพยายามทำให้พี่น้อง 8 จังหวัดภาคเหนือในเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตร

เมื่อถามว่า การเข้ามามีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐจะเป็นการดีลทางการเมืองหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ผมว่าไวเกินไปที่จะคุยเรื่องนั้น ตอนนี้ทำให้พี่น้องกลับมาเป็น ส.ส.ให้ได้มากที่สุด

เมื่อถามว่า หากขั้วรัฐบาลเดิมสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ครั้งหน้าจะยกมือสนับสนุนหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ผมไม่สามารถที่จะไปกำหนด หรือให้คำตอบได้ว่าจะสนับสนุน ต้องฟังกรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะต้องฟังนโยบายของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถามว่า กับ พล.อ.ประยุทธ์สามารถลืมอดีตแล้วทำงานด้วยกันได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ผมยืนยันว่า ผมไม่คิดจะทะเลาะกับใคร และผมต้องการทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง

เมื่อถามว่า กระแสพรรคพลังประชารัฐปัจจุบันกับปี 2562 แตกต่างกันกันอย่างไรบ้าง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า แตกต่างกันมาก โดยเฉพาะในเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องที่ดิน เป็นผลงานโดดเด่นที่เราทำมาโดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงที่ผมเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ฯ ทำเรื่องนี้มาโดยตลอด การผลักดันที่ดิน ส.ป.ก.ให้เป็นโฉนด หรือทำให้ที่ดิน กคช.ให้เป็น ส.ป.ก.

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐที่ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐแล้วเป็นบวกหรือเป็นลบกับพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราอย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย เอาเป็นว่า เราสนับสนุบ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ