บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลงทะเบียนไม่ผ่าน 5 ล้านคน เปิดยื่นอุทธรณ์ 60 วัน

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

สันติ เผย ครม.ไฟเขียวบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.6 ล้านคน เปิด 5 ล้านคนลงทะเบียนไม่ผ่าน อุทธรณ์ 60 วัน ลั่น พลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล-ประวิตร เป็นนายกฯ บัตรป้อม 700 ทำทันที กุนซือ ประยุทธ์ เผย วิธีหาเงิน บัตรสวัสดิการพลัส 1,000 บาท

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.ได้เห็นชอบโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ซึ่งมีจำนวนผู้ลงทะเบียนตามโครงการ ปี 2565 โดยมีผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจำนวน 14.6 ล้านราย ว่า ครั้งนี้ผู้ที่รายได้ไม่ถึงแสนบาทจะได้รับ 300 บาทต่อคนต่อเดือนทุกคน

นอกจากนี้ยังปรับค่าโดยสารให้สามารถใช้ได้ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 ผู้ได้รับสิทธิ์จะต้องไปแสดงตัวตน ณ สถานที่ลงทะเบียน

“ผู้ที่แสดงตัวตนแล้วไม่ปรากฏชื่อหรือไม่ผ่านแสดงว่าอยู่ในจำนวนที่ไม่ผ่าน 5 ล้านกว่าคน เนื่องจากอาจจะมีห้องชุดเกิน 35 ตารางเมตร หรือมีที่ดินทำกินเกินกำหนดสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 1 พฤษภาคม 2566” นายสันติกล่าว

นายสันติกล่าวว่า ส่วนผู้ที่มีสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดิมยังสามารถใช้ได้อีก 1 เดือน และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนจะถึงตัดสิทธิ

นายสันติยังกล่าวถึงนโยบายบัตรสวัสดิการพลัสคนละ 1,000 บาทต่อเดือนของพรรครวมไทยสร้างชาติจะกระทบต่อวินัยการเงินการคลังหรือไม่ ว่า ลองไปคำนวณดูว่า 14.5 ล้านคน และผู้ที่มีสิทธิอุทธรณ์อีก 5 ล้านกว่าคน คาดว่าจะผ่านเกณฑ์ 2.5 ล้านคน รวมแล้ว 16-17 ล้านคน ลองคูณดูปีหนึ่งเงินเป็นแสน ๆ ล้านจะทำยังไง

“ส่วนนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือนของพรรคพลังประชารัฐได้คำนวณไว้แล้วว่าเป็นไปได้ แต่ว่านั่นหมายความว่า พรรคพลังประชารัฐต้องได้จัดตั้งรัฐบาลและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านบอกว่าจะทำทันที” รมช.คลังและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐกล่าว

นายสันติกล่าวถึงการเกทับนโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่า ไม่เป็นไร อยู่ที่ประชาชนจะให้ความเชื่อถือกับพรรคการเมืองไหน ใครอยากจะคิดอะไรก็คิด ถ้าคิดยิ่งมากก็ต้องมีความสามารถในการหาเงินมาดูแลพี่น้องประชาชน ต้องหาเงินให้เป็น ต้องพัฒนาประเทศ ขีดความสามารถของเราให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพสูง

แหล่งข่าวระดับสูงด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงวิธีการเพิ่มเงินสวัสดิการพลัส 1,000 บาทต่อเดือนว่า สามารถทำได้ ไม่กระทบต่อวินัยการเงินการคลัง โดยวิธีการคือการโยกเงินในวงเงินค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้ใช้ หรือใช้ไม่หมด เช่น วงเงินค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ มาเพิ่มในวงเงินในการใช้จ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค