ดีเบต มติชน x เดลินิวส์ ขุนศึก 3 พรรค โต้เดือดปมชังชาติ

ดีเบต มติชน x เดลินิวส์ ขุนศึก 3 พรรค โต้เดือดปมชังชาติ

วินท์ รวมไทยสร้างชาติ ชี้ประเทศไทยด่านายกฯ ไม่ติดคุก หากเทียบสิงคโปร์ ถ้าไม่มีประชาธิปไตย ทำไมมีเลือกตั้ง ด้าน “ศิธา” เตือนนักการเมือง เลิกหาเสียงด้วยการแปะป้ายชังชาติ เหยียบคนอื่นให้ต่ำลง ด้าน ณัฐวุฒิ ลั่นถ้าเป็นรัฐบาลจะเช็กบิลคนทำรัฐประหาร

วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ที่ห้องพารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เครือมติชน ร่วมกับเครือเดลินิวส์ จัดงานดีเบตการเมือง ในธีม มติชน เลือกตั้ง 66 บทใหม่ประเทศไทย เวที “สงคราม 9 พรรค The Last War” โดยเวทีแบ่งออกเป็น 3 รอบ

ทั้งนี้ รอบที่สอง เป็นเวที “ขุนศึก ประจัญบาน” กลุ่มขุนศึกตัวตึง-ตัวเก๋า ผู้แทนที่เป็นบุคคลสำคัญในพรรคการเมือง ที่สามารถนำเสนอประเด็นหลัก ที่พรรคใช้หาเสียง อธิบายเหตุผลในการเลือกใช้กลยุทธ์-นโยบาย ในช่วงโค้งสุดท้าย และพร้อมที่จะดีเบต โต้แย้งกับตัวแทนจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้ ทั้งในประเด็นการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม โดยแบ่งเป็นกรุ๊ปเอ กับ กรุ๊ปบี กรุ๊ปซี

โดยกรุ๊ปเอ มีนายวินท์ สุธีรชัย พรรครวมไทยสร้างชาติ, น.ต.ศิธา ทิวารี พรรคไทยสร้างไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พรรคเพื่อไทย

โดยคำถามการเมืองที่ตัวแทนทั้ง 3 คนต้องตอบคือ เห็นด้วยหรือไม่กับแนวคิดการไล่คนที่เห็นว่า “ชังชาติ” ออกนอกประเทศ พรรคของท่านมีแนวทางในเรื่องดังกล่าวอย่างไร

วินท์ สุธีรชัย
วินท์ สุธีรชัย

นายวินท์กล่าวว่า คำว่าชังชาติ ใคร ๆ ก็กล่าวหาได้ แต่ท้ายที่สุด บ้านเรามีขื่อมีแป ประเทศที่ไม่มีขื่อมีแป จะกลายเป็นอนาธิปไตย เกิดความวุ่นวาย ฉะนั้นท้ายที่สุดอยู่ที่กฎหมาย กฎหมายทุกคนต้องทำตาม เช่น ความพยายามที่จะทำลายรัฐ หรือที่เราเรียกกันว่ากบฏ คือการกระทำที่ผิดกฎหมาย โทษของกบฏสูงสุดคือประหารชีวิต หนักกว่าชังชาติ หนักกว่าไล่ออกจากประเทศ ถ้าหากจะเป็นกบฏหรือทำลายชาติ ท้ายที่สุด ตามกฎหมายระบุไว้ว่าโทษสูงสุดคือประหารชีวิต บ้านเรามีความพยายามไม่ให้คนไทยฆ่ากันเอง ที่ผ่านมามีความขัดแย้งนองเลือด

ดังนั้นทางที่ดีที่เราจะไปต่อคือ การเดินต่อภายใต้กฎหมาย สู่ประชาธิปไตยที่ไม่ทำร้ายกัน ในตอนหนึ่ง นายวินท์กล่าวต่อว่า ถามว่า ตอนนี้เราไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน เราอยากเป็นประชาธิปไตยแบบสิงคโปร์หรือไม่ ที่คนด่านายกฯ ก็ติดคุก ตนก็เห็นพี่ ๆ น้อง ๆ ด่านายกฯ เยอะแยะกันหมด ตนขอเรียนเชิญดูว่า คนที่ด่าวันนี้ติดคุกหรือไม่ ทุกวันนี้ถ้าเราไม่มีประชาธิปไตย ทำไมเรามาหาเสียงเลือกตั้งเพื่อวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ถ้าคิดว่าตอนนี้เราไม่ใช่ประชาธิปไตย คุณก็ไปบอกเลยว่า อย่าไปเลือกตั้งกันดีกว่าไหม แต่เป็นเพราะประชาธิปไตย เราถึงได้เลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมนี้

นายศิธากล่าวว่า ชาวเน็ตเขาก็บอกว่าไม่ได้ชังชาติ และตอบเป็นคำสุภาพสมัยพ่อขุนรามคำแหงว่า “แต่เขาชังมึง” นายศิธากล่าวว่า การที่คุณจะไปบอกว่าใครคนใดคนหนึ่งชังชาติเพื่อที่จะหาคะแนนเสียงให้กับตัวเอง การทำงานการเมืองมีอยู่สองอย่าง คือทำให้ตัวเองดีขึ้น แต่ถ้าไม่มีปัญหาคิดว่าจะทำให้ตัวเองดีกว่าคนอื่นอย่างไรและจะไปเหยียบคนอื่นให้ต่ำลง

น.ต.ศิธา ทิวารี
น.ต.ศิธา ทิวารี

การไปกล่าวหาว่าเขาชังชาติหรือไปแบรนดิ้งว่าพรรคการเมืองนี้ชังชาติ สิ่งที่ตนกลัวคือคนออกไปเลือกตั้งมีแค่ 37 ล้านเสียงโดยประมาณ เกิดมีสัก 10 ล้านเสียงไปเลือกพรรคที่คุณบอกว่าชังชาติ คุณกำลังจะส่งสัญญาณอะไร ? จะบอกพี่น้องประชาชนว่ามีคนที่ชังชาติอยู่ 10 ล้านคนหรือ มันไม่ใช่

“ผมยืนยัน ผมเป็นทหาร ผมสวนสนามสาบานตน ผมมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมถามทุกพรรคการเมืองเขาก็ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นมุขแบบนี้เลิกสักที คนที่เป็นผู้ใหญ่อีกไม่กี่ปีก็ล้มหายตายจาก คุณไม่คุยกับเด็กในวันนี้ ถึงเวลาที่คุณล้มหายตายจากไป เด็กเขาไม่มาคุย ถ้าเรารักชาติด้วยเหตุผล สิ่งที่รวมกันเป็นชาติไทยจะสถาพรยืนยงตลอดไป อย่าหาเสียงแบบนี้เลยครับ” นายศิธากล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการไล่คนที่เห็นว่าชังชาติออกนอกประเทศ และพรรคของท่านมีแนวทางกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร ว่าไม่เห็นด้วยกับการขับไล่ใครที่ถูกอ้างว่าชังชาติออกจากประเทศนี้ เพราะไม่เชื่อว่ามีคนไทยคนไหนที่ชังชาติ ยืนยันว่าสิ่งที่กำลังทำคือการไล่คนที่ยึดอำนาจออกนอกทำเนียบรัฐบาล และนี่คือภารกิจร่วมของคนไทยทุกคน ไม่เคยมีใครหรือข้อกล่าวหาใด ๆ ในโลกนี้ที่ไล่คนที่เกิดบนแผ่นดินนี้และเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ออกไป

พรรคเพื่อไทย จะพยายามถึงที่สุดให้คนอยู่ด้วยกันด้วยกติกาที่เป็นประชาธิปไตยอย่างเป็นสากล แม้ว่าเขาจะชังกัน เราร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน เราจะปฏิรูปกองทัพให้กองทัพอยู่ใต้อำนาจของรัฐบาลประชาชน เราปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ว่าคนไทยชังชาติ และเราขอประกาศให้คนไทยทุกคนว่าที่นี่คือแผ่นดินเรา บ้านเรา เมืองเรา กลับมาช่วยกันทำให้บ้านเราเป็นประชาธิปไตย

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ไม่มีใครชังชาติในประเทศนี้ ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราชนะการเลือกตั้งมาทุกครั้ง เราจะเป็นรัฐบาลครั้งนี้ได้ก็ต่อเมื่อเราชนะแบบแลนด์สไลด์ หากเราไปถึงจุดนั้นได้ เราจะไม่เหยียบย่ำคนแพ้ แต่เราจะบอกคนแพ้ว่าขอให้ยอมรับความพ่ายแพ้และเดินตามเรามาในวิถีทางประชาธิปไตย

เราจะบอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าไม่มีใครชังชาติ ท่านที่ประกาศให้คนเอาปืนไปอยู่กับท่านที่ชายแดน ขอให้ท่านไปรอ เราจะให้ท่านไปเฝ้าขบวนการค้ายาเสพติดที่จะไหลบ่าเข้ามา ปืนของท่านไม่ได้มีความหมาย กองทัพของท่านไม่มีคุณค่า ถ้ากองทัพนั้นไม่ได้รับใช้ประชาชน

“เราจะไม่ชี้วัดความเป็นประชาธิปไตยเพียงเพราะใครวิจารณ์นายกรัฐมนตรีแล้วไม่ติดคุก เพราะสำหรับผมภาพที่ชัดที่สุดว่าประเทศนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยคือคณะรัฐประหารไม่เคยติดคุก ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล คณะรัฐประหารจะไม่มีที่เดินในสังคม เราจะรื้อผลพวงการรัฐประหาร เราจะทำให้กฎหมายระบุว่าการทำรัฐประหารเป็นความผิดฐานกบฏ ไม่มีอายุความ และวันถัดไปเขาเหล่านี้จะต้องรับผิดชอบและชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปในที่สุด ประเทศนี้ไม่มีเวลาที่จะเดินถอยหลังกลับอีก ผมไม่เชื่อการก้าวข้ามความขัดแย้งที่พูดกันลอย ๆ เพราะมีคนพูดกันแบบนี้มามากแล้ว และทุกคนที่พูดคือคนที่อยู่สร้างความขัดแย้งทั้งสิ้น” นายณัฐวุฒิกล่าว