สกาวใจ ยันแคนดิเดตเพื่อไทย เหมาะเป็นนายกฯ ที่สุด

สกาวใจ พูนสวัสดิ์

อ๋อม สกาวใจ ชูเพื่อไทย สนับสนุนความเสมอภาคเท่าเทียม 3 แคนดิเดตนายกฯ เหมาะสมที่สุด

วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ที่ห้องพารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เครือมติชน ร่วมกับเครือเดลินิวส์ จัดงานดีเบตการเมือง ในธีม มติชน เลือกตั้ง 66 บทใหม่ประเทศไทย เวที “สงคราม 9 พรรค The Last War” โดยเวทีแบ่งออกเป็น 3 รอบ

ทั้งนี้ รอบแรก เป็นรอบเวที “Young blood วัดอนาคต” ประกอบด้วย โดยมี พรรคก้าวไกล ส่ง น.ส.สิริลภัส กองตระการ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง (เฉพาะแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์), พรรครวมไทยสร้างชาติ นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 33 เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย (ยกเว้นแขวงศิริราช)

พรรคประชาธิปัตย์ นายเมธี อรุณ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นราธิวาส, พรรคเพื่อไทย น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตลาดพร้าว (ยกเว้นแขวงจรเข้บัว) เขตบึงกุ่ม (ยกเว้นแขวงคลองกุ่ม), พรรคภูมิใจไทย นายอิทธิเดช สุพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 15 คันนายาว-บึงกุ่ม (เฉพาะแขวงคลองกุ่ม)

พรรคไทยสร้างไทย นายปณิธาน ประจวบเหมาะ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 23 บางนา-พระโขนง, พรรคชาติไทยพัฒนา ดร.อาชวิทธิ์ เจิงกลิ่นจันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 20,พรรคชาติพัฒนากล้า น.ส.วิเวียน จุลมนต์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 จตุจักร (แขวงจตุจักร จอมพล ลาดยาว) เขตหลักสี่ (แขวงทุ่งสองห้อง),พรรคพลังประชารัฐ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 25 เขตทุ่งครุ เขตราษฎร์บูรณะ (ยกเว้นแขวงบางปะกอก)

ทั้งนี้ น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 13 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จุดยืนทางการเมืองของตนคือประชาธิปไตยเต็มใบ 100% รัฐประหารคืออาชญากรรม และคนทำรัฐประหารคืออาชญากร เราควรนำคนที่ทำรัฐประหารมาดำเนินคดีไม่ว่าจะกรณีใดก็แล้วแต่ เพราะเป็นการดึงประเทศให้ถอยหลัง การเมืองที่ดีควรจะรับฟังกันแม้จะเห็นต่างกัน แต่ก็ควรพูดคุยกัน ประชาธิปไตยและรัฐสภาเป็นทางออกของผู้มีอารยะ

สำหรับแรงจูงใจที่ทำให้ตนลงมาทำงานการเมืองคือปัญหาของพี่น้องประชาชน ตนก็เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่งที่มองเห็นปัญหาและตรรกะที่บิดเบี้ยวมาตลอด 8-9 ปี สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานคือสิ่งที่ถูกลิดรอนไป ประชาชนเห็นต่างจากรัฐบาลถูกยัดเยียดคำว่าชังชาติ ซึ่งตนก็โดนยัดเยียดคำนี้เช่นกัน เพียงเพราะออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่ไม่เอาไหน ทำงานไม่ได้ ล้มเหลว นี่หรือชังชาติ

เราแค่อยากส่งต่ออนาคตที่ดีให้ลูกหลานของเรา แต่เราเกลียดรัฐบาลที่กำลังบริหารอยู่ รัฐบาลที่พูดนโยบายแล้วทำไม่ได้ เราจะทนให้ประชาชนทนดูการบริหารของรัฐบาลที่ไม่มีทิศทาง เอางบประมาณไม่ตรงจุดหรือ เมื่อพูดไม่ได้ ตนจึงตัดสินใจลงมาทำงานการเมือง

น.ส.สกาวใจ กล่าวต่อว่า หากเราได้เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว ตนจะผลักดันทุกนโยบายของพรรคเพื่อไทย สิ่งที่ตนอยากผลักดันมากที่สุดคือเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียม ซึ่งหมายถึงความเท่าเทียมในการบังคับใช้กฎหมายด้วย ตนอยากเห็นประชาธิปไตยจริง ๆ ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบคนไทย เพราะชื่อก็บอกแล้วว่าไม่สากล เราอยากเห็นประชาธิปไตยที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิ ใช้เสียง

และสามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้โดยไม่ถูกดำเนินคดี การบริหารประเทศชาติที่เป็นองค์กรมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงต่าง ๆ หลากหลายหน่วยงาน เราจึงจำเป็นที่จะต้องให้คนที่ประสบการณ์บริหารองค์กรใหญ่ ๆ และประสบความสำเร็จในการบริหารองค์กรนั้น ๆ มาเพื่อนำความรู้ ความสามารถ ความเท่าเทียม และการผลักดันเทคโนโลยี

แนวคิดความก้าวหน้า ที่สำคัญคือต้องเข้าใจสิทธิความเสมอภาคมาบริหารประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะประเทศไทยของเราไม่ใช่สนามเด็กเล็ก ประเทศไทยไม่ต้องการคนที่เข้ามาลองผิดลองถูกในการบริหารประเทศอีกแล้ว เราต้องการคนที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จจริง

“แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทุกคน เหมาะสมที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ฝากพี่น้องเลือกเพื่อไทยทั้งคนและพรรค เปลี่ยนแปลงประเทศไปด้วยกัน เพราะเพื่อไทยคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อพี่น้องทุกคน” น.ส.สกาวใจกล่าว