เศรษฐา สารภาพบาป เพื่อไทย ชักเข้า-ชักออก แคนดิเดตนายก ปัจจัยหนึ่ง แพ้เลือกตั้ง

เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย รับ สารภาพบาป ส.ส.เพื่อไทย ส่วนหนึ่งที่เพื่อไทยแพ้เลือกตั้ง เพราะตัดสินใจชักเข้า – ชักออก

เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย รับ สารภาพบาป ส.ส.เพื่อไทย ส่วนหนึ่งที่เพื่อไทยแพ้เลือกตั้ง เพราะตัดสินใจชักเข้า–ชักออก แคนดิเดตฯ ออกตัวช้า

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายในงาน เอ็กซ์คลูซีฟดินเนอร์ทอล์ก JOURNEY TO TRANSFORM ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 47 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เมื่อคืนวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมาถึงการเข้าเล่นการเมืองว่า  คิดอยู่นานมาก ชักเข้าชักออก กับตัวเองนานพอสมควรเหมือนกัน อย่างที่ทราบดีว่านักธุรกิจที่ก้าวข้ามสู่การเมือง ปรารถนาอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุด มีเสียงเตือนเยอะ วิบากกรรมเยอะ ทั้งเรื่องคดี ไม่อยากใช้คำว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่เป็นที่เพ่งเล็งใช้คำนี้ดีกว่า

แต่ผมเชื่อว่า การที่เราเป็นนักธุรกิจ 30 กว่าปี บริษัทที่ทำอยู่เป็นฝั่งเป็นฝาดีมากพอสมควร ลูกทั้ง 3 ประสบความสำเร็จ ความหมดห่วงใย ก็เริ่มคลายหายไป และต้องยอมรับว่า 8-9 ปีหลัง บ้านเมืองค่อนข้างประสบปัญหาเยอะพอสมควร นักธุรกิจหลายท่านทราบดี เรื่อง k -shape recovery เรื่องความเหลื่อมล้ำ ก็เป็นปัญหาใหญ่ เราเองมีฐานะดีพอสมควร ไม่จำเป็นจะต้องมีเยอะไปกว่านี้

ความสุขทางกายก็เป็นอย่างหนึ่งที่เราสามารถมีได้ แต่ความสุขทางใจบางที ต้องเห็นคนอื่นมีบ้าง เห็นสังคมเจริญเติบโตในทิศทางที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อนๆ ผมหลายคนเวลากินข้าวสังสรรกันพูดเรื่องปัญหาบ้านเมือง เป็นการด้อยค่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง นักการเมือง ข้าราชการ หรือ หลายๆ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีนักธุรกิจคนไหนเข้ามาอย่างเต็มที่สักคน แต่ก็เคารพการตัดสินใจ

ผมเชื่อว่าในช่วงที่เปลี่ยนมานี้ ประเทศไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการคนที่มีมุมมองใหม่ๆ ไม่งั้นก็จะมีการบอกว่านักการเมืองมีแต่หน้าเก่า มีแต่เป็นบ้านใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครจะเสนอตัวมาตรงนี้

ถามว่าส่วนตัว กลัวไหม..กลัวตลอด ก็พยายามบริหารจัดการไป แต่เราไม่มีความสุขที่อยู่อย่างสบายคนเดียว ในบทบาทที่เริ่มช่วยเหลือสังคม หรือเริ่มเข้าสู่เรื่องเหล่านี้ เริ่มมาตั้งแต่ก่อนโควิด มาพีคตอนโควิด และเห็นความเหลื่อมล้ำที่สูงขึ้นมาก เรื่องของ winner take all ก็เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย

Advertisement

“เรื่องชักเข้าชักออกก็เป็นประเด็น ซึ่งถ้าถามจริงๆ ก็เป็นอันหนึ่งที่ผมไป สารภาพบาปกับผู้สมัคร ส.ส.500 คน ที่พรรคเพื่อไทย ส่วนหนึ่งผมเองเข้ามาช้าในวงการการเมือง ไม่ใช่เป็นตัวของตัวเอง การตัดสินใจไม่แน่วแน่เท่าไหร่ การเข้ามาช้าเลยเป็นรอง ส่งผลมาถึงปัจจุบันนี้ก็ยอมรับเป็นส่วนหนึ่งเหมือนกัน เพราะเรื่องของความกลัว เรื่องของอะไรหลายๆ อย่าง” นายเศรษฐา กล่าว

เศรษฐา ทวีสิน

นายเศรษฐา กล่าวว่า พอมาถึงจุดๆ หนึ่ง ปลายเดือนมกราคม ต้นเดือนกุมภาพันธ์ มีนักการเมืองอาวุโสคนหนึ่งมาคุยกับผม ที่ข้างๆ บ้านร้านอาหาร เป็นคนหนึ่งให้ผมก้าวข้ามจุดนั้นไปได้ โดยมีคำอธิบาย หลายๆ คำ เป็นจุดที่ผมตัดสินใจก้าวเข้ามา ผมบอกก็ได้ว่า คุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ซึ่งท่านไม่ได้รับเครดิตพอในวงการการเมือง เพราะบังเอิญท่านเป็นคนพูดเก่ง ดุดัน โน้มน้าวจิตใจเก่ง

แต่ทำงานด้วยช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ถ้าถามว่านักการเมืองที่ผมเคารพ และชื่นชมมากที่สุดคือคุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เป็นคนที่มีความรู้รอบตัวสูง เป็นคนที่เข้าใจบริบทการเมืองไทยทุกๆ อย่าง อธิบายให้ฟังว่าทำไมพี่ถึงต้องเข้ามา ตรงนี้เป็นจุดเปลี่ยนอันหนึ่ง  และการเข้ามาช่วง 2 เดือนครึ่งที่ผ่านมา เขาช่วยประคบประหงมตั้งแต่วันแรก

Advertisement

ผมบอกว่าไม่เคยปราศรัยเลยจะทำอย่างไร เขาบอกพี่ไม่ต้องหรอก พี่ขึ้นพูดไปคำสองคำพอ เซย์ฮัลโหล โบกมือเท่านั้นเอง ผมว่าเขาไม่ได้หลอก แต่เขารู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร พรรคเพื่อไทยเวลาเราลงพื้นที่ต่างจากคนอื่นมาก ไม่ใช่ลงจากรถปั๊บขึ้นปราศรัยเลย หลายครั้งที่เราไป ไปพบผู้ประกอบการ ผู้นำด้านความคิด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สภาหอการค้าจังหวัด ถกปัญหาที่เกิดขึ้น และเราก็อินกับปัญหา เราเองรู้สึกฮึกเหิม

เรามีเรื่องที่อยากจะพูด เริ่มจากตรงนั้น ก็ขึ้นไปเรื่อยๆ เวทีที่สอง เวทีที่สาม ณัฐวุฒิเองก็ให้ข้อคิดตลกๆ ระหว่างไปจังหวัดชลบุรี แกก็มากระซิบบอกว่า บอกสิถ้าเลือกเรายกจังหวัด ไม่ใช่แค่คุณปลื้มหรอก ผมก็ปลื้มด้วย คุณณัฐวุฒิให้มุก ให้อะไรกับเราพอสมควรเหมือนกันในหลายๆ อย่าง สร้างความมั่นใจให้กับเรา