พิธา รับ รู้เรื่องคลิปประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ก่อน 3 มิติเปิดเผยต่อสาธารณะ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พิธา ไม่หวั่นเกมสกัดเก้าอี้นายกฯ รู้อยู่แล้วเรื่องคลิปประชุมผู้ถือหุ้น ไม่ตรงกับบันทึกรายงานการประชุม ลั่นไม่ว่าสกัดอย่างไร ก็ไม่ทำให้แคนดิเดตนายกฯ หมดไป

วันที่ 13 มิถุนายน 2566 ที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบุคคลที่อยู่เบื้องหลังขบวนการฟื้นไอทีวีตามที่เคยกล่าวอ้างว่า ตามที่เคยได้โพสต์ในโซเชียลมีเดีย มีกระบวนการในการที่จะฟื้นไอทีวี

รวมถึงรายการข่าวสามมิติที่ได้มีการเสนอข่าวว่ารู้อยู่แล้ว เพราะมีคนส่งข้อมูลมาให้เรื่อย ๆ เห็นความแตกต่างระหว่างคนที่ทำเอกสารการประชุม และคลิปก่อนที่จะมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน

ตอนนี้คณะทำงานกฎหมายของพรรคก้าวไกลได้ข้อมูลมาเพิ่มเรื่อย ๆ ผู้ที่เกี่ยวข้องจากกระบวนการเหล่านี้ที่คอยส่งข้อมูลเข้ามา จากที่เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว เราคำนึงถึงฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้น

นายพิธากล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับไว้เป็นความปรากฏ เพื่อพิจารณาไต่สวนการที่นายพิธารู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติลงสมัคร ส.ส.แต่ยังลงสมัคร ตามมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 ว่า

Advertisment

ได้คิดฉากทัศน์ไว้แล้ว เพราะเคยเกิดขึ้นกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มาก่อน เขาอาจใช้วิธีเข้าชื่อ ส.ส.เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา ศาลอาญา ตนจึงได้เตรียมหลักฐานพร้อมเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติกรรม แต่วันนี้ทาง กกต.ก็ยังไม่ได้ติดต่ออะไรมา

ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่าสภาไม่สามารถเสนอชื่อ แคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อดำเนินการโหวตในสภานั้น นายพิธากล่าวว่าตรงนี้ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรในการโหวตนายกฯ วันนี้ได้เห็นข่าวของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ข้อเท็จจริงน่าจะคลาดเคลื่อน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

จำได้ว่าตอนที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภา แต่ตอนที่โหวตเลือกนายกฯ นายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภา ถึงแม้จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังสามารถถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯได้ ไม่ได้เป็นไปตามที่นายวิษณุพูด

Advertisment

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับมาตรา 151 ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเข้าสู่กระบวนการโหวตเลือกตนเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย”

เมื่อถามว่าคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี กับบันทึกการรับรองผลการประชุมที่ไม่ตรงกันอาจจะมีน้ำหนักไม่มากพอที่จะมาใช้ต่อสู้ตามกฎหมาย หรือลบล้างข้อกล่าวหาการถือหุ้นไอทีวีได้หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ต่อสู้ในทุกรายละเอียด ทุกกระบวนความ เวลามีเรื่องเกี่ยวกับหุ้นสื่อขึ้นมา สื่อมวลชนสามารถเทียบฎีกาย้อนหลังได้

เมื่อถามว่างบการเงินที่มีการยื่นให้กับกรมพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นรายได้ที่มาจากสื่อ จะทำให้นายพิธาเพลี่ยงพล้ำหรือไม่ นายพิธากล่าวว่าไม่ แต่ขอรับไปตรวจสอบดู ตามกฎหมาย ขอให้เป็นเรื่องของคณะทำงานด้านกฎหมาย

เมื่อถามถึงการใช้มาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ โดยใช้ ส.ส. หรือ ส.ว. เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกแต่ละสภา เพื่อยื่นตรวจสอบคุณสมบัตินั้น นายพิธากล่าวว่าเป็นสิ่งที่คิดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น ที่คิดไว้อยู่ว่าจะเป็นการสกัดกั้น ไม่ให้เข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ว่าจะสกัดกั้นอย่างไร ก็ไม่ทำให้การเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหมดไป

ส่วนการที่ยังไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังพ้นตำแหน่ง ส.ส.นั้น นายพิธากล่าวว่าตนได้พูดคุยสอบถาม ป.ป.ช.มาโดยตลอด ซึ่งก็ไม่มีปัญหา ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียด เพื่อให้รอบคอบที่สุด ก่อนที่จะยื่นให้สำนักงาน ป.ป.ช.ตรวจสอบ ภายในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ตามระเบียบของ ป.ป.ช.