ครม.อนุมัติงบฯกลาง 107 ล้าน ติดตั้งเครื่องมือวัดน้ำมันปาล์ม

น้ำมันปาล์ม

ครม.อนุมัติงบฯกลาง 107.24 ล้านบาท ติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เสนอ กกต.ไฟเขียว

วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบฯกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเบิกจ่ายโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม งวดที่ 3 และงวดสุดท้าย จำนวนเงินรวม 107.24 ล้านบาท และให้ดำเนินการเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาต่อไป

สำหรับโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เคยได้รับอนุมัติจาก ครม.เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2563 และ 14 ก.ค. 2563 ให้กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในเป็นผู้ดำเนินโครงการภายในกรอบงบประมาณ 372.52 ล้านบาท เพื่อให้สามารถนำข้อมูลปริมาณน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ในการกำกับดูแลและบริหารจัดการสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบได้รวดเร็ว ทันสถานการณ์ สามารถรักษาสมดุลและพยุงราคาผลปาล์มน้ำมันภายในประเทศให้มีเสถียรภาพมากขึ้น

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการขอรับจัดสรรงบฯจากสำนักงบประมาณเพื่อจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างแก่ผู้รับจ้างตามงวดงานแล้ว 2 งวด ยังเหลืองวดที่ 3 จำนวน 69.71 ล้านบาท และงวดสุดท้าย 37.53 ล้านบาท รวม 107.24 ล้านบาท ซึ่งไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ทัน ทำให้วงเงินที่เคยได้รับอนุมัติไว้ถูกพับไปโดยกฎหมาย ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงมีความจำเป็นต้องขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยงบประมาณดังกล่าว

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) บัญญัติให้ ครม.ที่พ้นจากตำแหน่งต้องไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก กกต.ก่อน ประกอบกับ ครม.เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2566 ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติและขั้นตอนการดำเนินงานตามมาตรา 169 (3) ของรัฐธรรมนูญว่า การอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จะต้องทำเท่าที่จำเป็น และต้องได้รับความเห็นชอบจาก กกต.ก่อน

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า โดยการดำเนินการดังกล่าวจะทำได้เฉพาะที่เกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรร หรือที่ได้รับการจัดสรรไปแล้วแต่ไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขอความเห็นชอบจาก ครม.ก่อน แล้วจึงเสนอให้ กกต.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ในเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า หากไม่มีเงินรองรับการเลิกจ่ายงวดงานตามสัญญาจ้างอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้ ดังนั้น ภายหลังได้รับอนุมัติจาก ครม.แล้วจึงให้ดำเนินการตามมาตรา 169 (3) และเมื่อ กกต.ให้ความเห็นชอบแล้ว สำนักงบประมาณจึงจะจัดสรรงบประมาณตามโครงการต่อไป