ชาดาลั่น ถอยเรื่อง 112 ภูมิใจไทยพร้อมโหวตพิธา ขอเป็นโจรที่รักสถาบัน

นายชาดา ไทยเศรษฐ์

ชาดาฟาดพิธา-ก้าวไกล จ้องลดโทษคนหมิ่นสถาบัน หวังล้มล้างหรือไม่ ท้าหากไม่แตะ ม.112 ภูมิใจไทยพร้อมโหวตให้

วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ที่รัฐสภา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) อภิปรายว่า แถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประกาศจุดยืนของพรรค คือไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ถ้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ พรรค ภท.พร้อมจะเป็นฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างมีคุณภาพ และคัดค้านการแก้ไขมาตรา 112 อย่างเต็มที่ พรรคไม่มีเจตนาจัดตั้งหรือสนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่งกับท่าน เพราะเราเคารพมติประชาชน และยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคการเมือง 7 พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 เป็นเหตุให้การจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันของ 8 พรรค ไม่มีการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 แม้ว่าพรรคการเมืองทั้ง 8 พรรคจะลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันว่า ภารกิจของรัฐบาลที่จะผลักดันต้องไม่กระทบรูปแบบการปกครองของรัฐ แต่ทางกลับกันนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.

และเป็นผู้ที่จะได้รับการเสนอในที่ประชุมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี กลับเป็นคนเดียวที่ยืนยันว่า จะแก้ไขมาตรา 112 โดยให้ ส.ส.พรรค ก.ก.เสนอร่างกฎหมายเอง นายพิธาได้ให้สัมภาษณ์สื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ ว่าพรรค ก.ก.ได้คะแนนเสียงจากประชาชน 14 ล้านคน ประชาชนเข้าใจดีว่าการแก้ไขมาตรา 112 คือหนึ่งในเป้าหมายที่จะผลักดัน โดยบอกว่าจะทำเพื่อรักษาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอบอกตรง ๆ ว่าตน และพรรคภูมิใจไทยไม่เชื่อ เพราะพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ผ่านมา ทำให้เห็นชัดเจน หลายท่านรับทราบว่า ท่านมีแนวคิดเรื่องมาตรา 112 อย่างไร แต่ตนอยากถามว่าอีก 7 พรรคจะว่าอย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้

“ท่านอ้าง 14 ล้านเสียงที่เห็นด้วยให้แก้ไขมาตรา 112 แต่ผมเชื่อว่าคนที่ลงคะแนนให้ท่าน เขาไม่คิดว่าท่านจะแก้กฎหมายไม่ให้เป็นสถาบันหลักของชาติอีกต่อไป ผมอยากฝากคนที่จะเป็นนายกฯ เป็นรัฐบาล ว่าคนไทยไม่ได้มีแค่ 14 ล้านคน ท่านต้องเป็นนายกฯของคนทุกคน เป็นนายกฯของประเทศ ไม่ได้เป็นนายกฯของพรรคใดพรรคหนึ่ง ท่านอย่าหลงระเริงกับ 14 ล้านเสียง เพราะไม่ถึง 20% ด้วยซ้ำ ไม่ใช่ตัวชี้ขาด ดังนั้น ท่านต้องดูแลทุกคน และต้องยึดความมั่นคงของชาติ” นายชาดากล่าว

นายชาดากล่าวด้วยว่า การกำหนดโทษในกฎหมายมาตรา 112 ระบุว่า ผู้ใดดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินิ ราชวงศ์ ต้องถูกลงโทษจำคุก 3-15 ปี ท่านบอกจะแก้ไขไม่ได้ยกเลิก แต่ตนเห็นว่าสิ่งที่ท่านนำเสนอไม่ได้เป็นการแก้ไข แต่จะยกเลิกมาตรา 112 ทั้งนี้ การที่สถาบันเป็นความมั่นคงของชาติเป็นเรื่องที่ถูกแล้ว

แต่สิ่งที่ท่านทำ และแสดงออกต่อสาธารณชนมาตลอดว่าจุดยืนของพรรคท่าน คือการส่งเสริมให้มีการละเมิดพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท ส.ส.พรรค ก.ก. หลายท่านถูกดำเนินคดีมาตรา 112 หลายท่านใช้ตำแหน่งประกันตัวผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 และหลายครั้งผู้กระทำผิดได้รับการสนับสนุนอุ้มชูจากพรรคของท่านซึ่งก็เป็นสิทธิของท่าน

“พรรคของท่านเคยเสนอว่าให้ยกเลิกความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้าย ไม่ให้เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงอีกต่อไป ผมไม่ทราบว่าพรรคก้าวไกล มองพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท เป็นเช่นใด เพราะสิ่งที่ท่านเสนอครั้งที่แล้วเป็นการยกเลิก ที่สำคัญการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ให้กำหนดโทษจำคุก 1 ปี เท่ากับความผิดของบุคคลทั่วไป”

“แต่ที่น่าเจ็บปวดกว่านั้นคือหมิ่นพระราชินี รัชทายาท กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน น้อยกว่าความผิดหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาอีก ตรงนี้เจ็บปวดต่อความรู้สึกของคนที่เทิดทูนสถาบัน ผมกับพรรคภูมิใจไทยไม่เชื่อว่าท่านจะปกป้องสถาบัน ในเมื่อท่านจะลดการคุ้มครอง ลดโทษ รวมถึงไม่เอาผิด ไม่ลงโทษ ผู้ละเมิดพระมหากษัตริย์ ในเหตุผลว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน” นายชาดากล่าว

นายชาดากล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณามาตรา 6 พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดฟ้องร้องไม่ได้ แต่ที่เจ็บปวดกว่านั้น คือมีคำพูดต่อผู้นำทางจิตวิญาณของพรรค ก.ก. ว่าถ้านายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีจะให้นายพิธาไปลงสัตยาบันในกฎหมายว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ สาระสำคัญคือสามารถฟ้องผู้เป็นประมุขได้ อันนี้เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เพราะหมายความว่าคนนอกประเทศฟ้องพระมหากษัตริย์ได้

ตนคงทำใจไม่ได้ ประมุขของรัฐไทยคือพระมหากษัตริย์ ถ้าท่านมีเจตนาดีจริง ซึ่งตนเคยฟังเลขาธิการพรรค ก.ก.พูดว่าการทำแบบนี้เป็นการปกป้องสถาบันไม่ให้ใครมาแอบอ้าง แต่ถ้าท่านจะปกป้องท่านต้องไม่ทำแบบนี้

นายชาดากล่าวต่อว่า ท่านพูดถูกว่ามีผู้มีอำนาจบางสมัยใช้สถาบันมาเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสถาบัน สถาบันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย และหากใครเอาสถาบันมาทำลายกันทางการเมือง ท่านก็ฟ้องได้เอาให้ร่วงเลย เพราะตนก็เห็นด้วยว่าการเอาสถาบันมาทำลายคนอื่นก็เป็นสิ่งไม่ดี แต่ต้องไม่ใช่การลดการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ต้องคิดกันให้หนัก