เพื่อไทยไม่หนุนแก้ ม.112 ได้เสียง สส.พรรคขั้วรัฐบาลใหม่เกินครึ่งแล้ว

เพื่อไทยไม่ง้อเสียงโหวตนายกฯ เศรษฐา จากก้าวไกล ตัดสินใจบอกเลิก MOU เก่า เพราะเงื่อนไขแก้ ม.112 ไม่สามารถผ่าทางตันจัดตั้งรัฐบาล แถลงชัดเจนพรุ่งนี้ ม้วนเดียวจบ

วันที่ 2 สิงหาคม 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามภายหลังแถลงแยกทางพรรคก้าวไกล ถึงการโหวตนายกฯ วันที่ 4 สิงหาคม เราได้พูดคุยกับพรรคก้าวไกลภายใต้ข้อตกลงและเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นเอกสิทธิของ สส.หรือมติของพรรคก้าวไกล ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ยังต้องขออนุญาตให้มีข่าวภายในวันพรุ่งนี้ (3 สิงหาคม)

ส่วน สว.จะโหวตให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ ด้วยข่าวที่เราแถลงและเราแสดงต่อข้อกังวลของ สส.หลายพรรคการเมือง และ สว.ภายใต้การแถลงไป น่าจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของ สว.ที่เขามีเงื่อนไข เราพยายามลด ทั้งหมดน่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่ทำให้ สว.เห็นชอบกับเราได้

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่พอเหมาะนั้น เกินครึ่ง สามารถบริหารประเทศได้ ขณะนี้เรากำลังทำงานอยู่ คาดว่าวันที่ 3 สิงหาคม เราจะแถลงการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ส่วนวัน เวลา และสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

นพ.ชลน่านกล่าวเสริมว่า ส่วนพรรคก้าวไกลรับฟังเหตุผลของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ บรรยากาศพูดคุยเป็นไปด้วยดี พรรคก้าวไกลรับฟังด้วยดี เขายืนยันว่าต้องการฟังคำชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย จริงอยู่อาจมีความคลาดเคลื่อนเรื่องการนัดหมาย ซึ่งเป็นการสื่อสารภายในของแต่ละพรรค โดยสรุปไม่ใช่การบอกเลิก แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ ที่เราต้องชี้ถึงเหตุและผลที่แยกออกมาจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล

Advertisment

ภูมิธรรม โต้ ไม่ได้หลอกก้าวไกล

นายภูมิธรรมชี้แจงในประเด็นที่พรรคก้าวไกลระบุว่าพรรคเพื่อไทยดึงเวลา และปล่อยข่าวว่าพรรคก้าวไกลจะโหวตให้พรรคเพื่อไทยแล้วไปเป็นฝ่ายค้านว่า เราชี้แจงกับพรรคก้าวไกลว่า ที่เราช้าทั้งหมดไม่ใช่เพราะดึงเวลา แต่เราได้รับการร้องขอจากแกนนำพรรคก้าวไกลจนถึงเวลา 23.00 น.ของวันที่ 31 กรกฎาคม และเรารอจนถึงเที่ยงคืน

พอวันที่ 1 สิงหาคม เราก็เริ่มดำเนินการตามกระบวนการของเรา ถือว่าการเจรจาไม่ยุติ ดังนั้น เราได้คุยกับพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่องตลอด แต่อาจเป็นปัญหาการสื่อสารภายในที่แกนนำสำคัญพูดคุยกับเรา กับสมาชิกพรรคก้าวไกลที่มาต่อว่าต่อขาน หรือกล่าวหาเรา เราไม่ถือสาอะไร แต่คิดว่าเขาควรเข้าใจ ควรชี้แจงตรงนี้ด้วย ว่าไม่ใช่เกิดจากการที่พรรคเพื่อไทยดึงเกม แต่เป็นเพราะเราถูกร้องขอให้รอ แต่ไม่มีการติดต่อ

“วันนี้ได้เป็นข้อยุติ ทำตามสิ่งที่ควรจะเป็น และได้โทรศัพท์กับอีก 6 พรรคร่วม เสนอจัดตั้งรัฐบาลใหม่เพื่อคลี่คลายวิกฤตที่เกิดขึ้นได้”

ส่วน 6 พรรคจะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าเป็นกระบวนการที่ต้องคุยกัน ไม่ได้หมายความว่าจะดึง 6 พรรค ไม่ดึง 6 พรรค

Advertisment

นายภูมิธรรมยังย้ำว่า การตกลงกันครั้งนี้ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ไม่ได้เกี้ยเซียะทางการเมือง การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้จะไม่มีพรรคก้าวไกลจัดตั้งด้วย การเสนอแก้ไขมาตรา 112 นโยบายกับนโยบายต่าง ๆ ถ้านโยบายที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน ไม่ว่าเสนอโดยฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาลเรายินดีที่จะผลักดันด้วย ไม่คิดว่าจะยืนอยู่ตรงข้ามกันเสมอ

สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพรรคเพื่อไทย เราไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และพรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่ใช้ประสบการณ์ความสามารถ แก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง เพราะเราประเมินว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องเริ่มดำเนินการให้เข้าสู่ระบบปกติทั้งหมด

ไม่ปิดประตู 6 พรรคร่วมรัฐบาล

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคกล่าวว่า ด้วยข้อจำกัดด้านเวลาและสถานการณ์เราได้โทรศัพท์ไปยังเลขาธิการพรรคทุกพรรค โดยเราแจ้งแต่ละพรรค 3 ประเด็น พรรคเพื่อไทยแจ้งถึงเหตุผลและความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ 2.กรณีพรรคร่วมอื่นจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้เป็นดุลพินิจของแต่ละพรรค ถ้าเห็นว่าแนวทางพรรคเพื่อไทยที่เสนอไปเข้าร่วมได้ พรรคเพื่อไทยก็ยินดีร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล

3.ส่วนการโหวตของพรรคก้าวไกลที่จะโหวตให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น เป็นเอกสิทธิของพรรคก้าวไกล ในบ่ายวันที่ 3 สิงหาคม จะแถลงอย่างเป็นทางการในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนเวลาและสถานที่จะแจ้งอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นพ.ชลน่านกล่าวว่าขั้นตอนการเลือกนายกฯ เรามั่นใจว่าเราจะประสบความสำเร็จ ได้เสียงเกิน 375 เสียง จากนั้นก็มาจัดตั้งรัฐบาล จริงอยู่ในขณะนี้มีข้อจำกัดก็จะพยายามหาเสียงสนับสนุนให้ได้มากที่สุดบนพื้นฐานการทำงาน ความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการ รวมถึงฝ่ายค้าน ถ้าอยู่ในกติกาที่เห็นว่าเราทำงานจริง เราเชื่อว่าจะแก้ปัญหาของบ้านเมืองได้

เมื่อถามว่า ไม่ปิดประตู 2 ร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า รอฟังพรุ่งนี้ และเมื่อถามว่า นายเศรษฐาจะแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ข้อบังคับการเลือกนายกฯ ไม่ได้เขียนไว้ เขียนไว้เฉพาะการเลือกประธานรัฐสภา กรณีของนายเศรษฐาไม่ได้เป็น สส. และเขาพร้อมที่จะตอบทุกคำถาม แต่ด้วยความที่ไม่สะดวก และอาจมีประเด็นที่เราคาดคิดไม่ถึง จะไม่ขอเข้าไป แต่ทีมงาน สส. กรณีที่พาดพิงก็พร้อมที่จะเอาข้อมูลต่าง ๆ ชี้แจงได้

นพ.ชลน่านกล่าวปิดท้ายว่า “ไม่มีอะไรสวยงามทุกอย่าง แต่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติให้มากที่สุด”

ก้าวไกล เชื่อ ประชาชนเห็นใจ

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยระบุว่า จากการพูดคุยกันของทั้ง 2 พรรค ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ทางพรรคก้าวไกลยืนยันไม่ถอยในประเด็นแก้ไขมาตรา 112 จึงเป็นเหตุทำให้พรรคเพื่อไทยอาจต้องตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล และคาดว่ามีโอกาสที่จะยกเลิกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วม เพื่อเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยจับขั้วตั้งรัฐบาลใหม่ โดยจะไม่มีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากฟังเสียงประชาชนเป็นหลัก

ด้านแหล่งข่าวจากพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ยอมรับว่าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน เพราะพรรคชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยอยากจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน และไม่ต้องการพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล โดยพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้ารับทราบมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะมีแนวทางแบบนี้ อีกทั้งคนที่มีอำนาจตัดสินใจในพรรคเพื่อไทยก็ไม่ใช่ผู้มาเจรจากับพรรคก้าวไกล เจ้าของพรรคเขามีธงมาอย่างนั้น

ส่วนพรรคก้าวไกลมองเท่าทุน มาถึงขนาดนี้ก็กำไรเยอะแล้ว ไม่ได้องุ่นเปรี้ยวที่จะต้องไปเป็นรัฐบาล เพราะหากแบ่งกับพรรคเพื่อไทย ครึ่งครึ่ง (เก้าอี้ ครม.) ได้ส่วนแบ่งไม่ดีอาจจะเละก็ได้ เพราะทำได้ไม่เต็มที่ ก็ทำอะไรออกมาแบบนี้ (ไปเป็นฝ่ายค้าน) ยิ่งได้คะแนนความเห็นใจจากประชาชน

พรรคร่วมรัฐบาลขั้วใหม่ 10 พรรค 268 เสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 10 พรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่ ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย141 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง, พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง ร่วมด้วยพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียงและพรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง

คลิป