ทนายเพื่อไทย รุกฟ้อง-แฉชูวิทย์ ปกป้อง เศรษฐา ปมภาษีที่ดินแสนสิริ

ทนายเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทย จวก “ชูวิทย์” จงใจปิดข้อมูล เปิดช่องตี “เศรษฐา” เตรียมส่งทนายฟ้องศาลอาญา ปมภาษีที่ดินแสนสิริ

วันที่ 6 สิงหาคม 2566 นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าว่าในฐานะที่ตนเป็นนักกฎหมายได้รับฟังข้อมูลในเรื่องนี้เห็นว่าข้อกล่าวหาของชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ว่านายเศรษฐาเกี่ยวข้องในการเลี่ยงภาษีจากการขายที่ดินนั้นคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง 

เพราะนายเศรษฐาไม่ได้ทำอะไรตามที่นายชูวิทย์กล่าวหา คือไม่ได้สมรู้ร่วมคิดหรือเป็นตัวการหรือสนับสนุนให้มีการเลี่ยงภาษีใด ๆ ดังนั้นข้อกล่าวจึงไม่มีมูล เนื่องจากบริษัทแสนสิริเป็นผู้ซื้อที่ดิน หน้าที่ในการชำระภาษีจากค่าที่ดินที่ผู้ขายได้รับเป็นหน้าที่ของผู้ขาย ส่วนผู้ซื้อมีหน้าที่ไปรับโอนและชำระเงินค่าที่ดินเท่านั้นเอง ถ้าใครต้องการตรวจสอบว่าผู้ขายเลี่ยงภาษีให้ไปถามกรมสรรพากรได้เลย ทำความจริงให้ปรากฏ ยิ่งเร็วยิ่งดี

นายนพดลกล่าวว่า ส่วนการที่กล่าวหาว่ามีนิติกรรมอำพรางนั้น ตนไม่เห็นว่าจะมีนิติกรรมอำพรางตรงไหน เพราะไม่มีนิติกรรมอันหนึ่งซ้อนอำพรางนิติกรรมอีกอันหนึ่ง การโอนที่ดินให้แสนสิริก็เป็นการซื้อขายที่ดินปกติที่ทำกันเปิดเผย ตรงไปตรงมาที่กรมที่ดิน มีการบันทึกการซื้อขาย เสียภาษีที่กรมที่ดิน

ส่วนที่กล่าวหาว่านายเศรษฐาไปเกี่ยวข้องในการเลี่ยงภาษีโดยอ้างรายงานการประชุมนั้น ข้อเท็จจริงคือนายเศรษฐา เข้าประชุมรับทราบการที่แสนสิริจะไปซื้อที่ดินแปลงนี้ โดยเป็นการประชุมครั้งเดียวในการอนุมัติเงินในการซื้อ เพราะฉะนั้นนายเศรษฐาไม่ได้ไปเกี่ยวข้องการโอนที่ดินหรือการดำเนินการใด ๆ ของฝ่ายผู้ขายเลย

นายนพดลกล่าวอีกว่า ส่วนจะเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองหรือไม่นั้น เห็นว่าถ้ามีใครรู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้ ก็สามารถเปิดเผยตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะต้องกำความลับหรืออะไรไว้ แล้วมาเปิดเผยช่วงนี้ที่พรรคเพื่อไทยกำลังจะเสนอนายเศรษฐาขอความเห็นชอบจากรัฐสภาเป็นนายกรัฐมนตรี

“มันมองเป็นเรื่องอย่างอื่นยาก นอกจากเรื่องการเมือง แต่ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลคงไม่กระทบการเดินหน้าเสนอชื่อเสนอนายเศรษฐาขอความเห็นชอบจากรัฐสภา นายเศรษฐาเป็นบุคคลสาธารณะ พร้อมถูกตรวจสอบ” นายเศรษฐากล่าว

ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และทนายความ กล่าวว่า ตามที่นายชูวิทย์ได้ออกมาพูดถึงบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กรณีชื้อที่ดินจากมีผู้เป็นเจ้าของที่ถือกรรมสิทธิ์รวมกัน 12 คน มีปัญญาหาคำถามว่า การที่เจ้าของที่ดิน ทั้ง 12 คน จดทะเบียนโอนขายที่ดิน ให้บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ต่างวันกัน ถึง 12 คน 12 วัน นั้น เป็นการเลี่ยงภาษีเงินได้หรือไม่

ในเรื่องนี้ หากพิจารณาจากคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.100/2543 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2543 ข้อ 4(2)  แล้ว กรณีการขายที่ดินที่มีผู้เป็นเจ้าถือกรรมสิทธิ์รวมกันหลายคน ในการเสียภาษีเงินได้ จะเสียกันอย่างไร นั้น จะเห็นได้ว่า ตามคำสั่งกรมสรรพากรดังกล่าว เขาให้ดูตอนได้มาของเจ้าของที่ดินว่า “เจ้าของที่ดินแต่ละคนได้มาในวันเดียวกัน หรือต่างวันกัน”

กล่าวคือ ถ้าเจ้าของที่ดินแต่ละคนได้ที่ดินมาในวันเดียวกัน ในการขายที่ดิน ไม่ว่าเจ้าของที่ดินแต่ละคนจะขายในวันเดียวกัน หรือต่างวันกันก็ตาม เจ้าของที่ดินทุกคนต้องเสียภาษี ในหน่วยเดียวกัน คือ ต้องเสียในนามห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน หรือในนามคณะบุคคล แต่ถ้าเจ้าของที่ดินแต่ละคนได้มาต่างวันกัน ในการขายที่ดิน ไม่ว่าแต่ละคนจะขายในวันเดียวกัน หรือต่างวันกันก็ตาม การเสียภาษีของเจ้าของที่ดินแต่ละคนต้องแยกกันเสีย หรือต่างคนต่างเสีย

ฉะนั้นเมื่อพิจารณากรณีของเจ้าของที่ดิน ทั้ง 12 คน ที่ขายที่ดินให้กับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติว่า เจ้าของที่ดินทั้ง 12 คน ได้มาต่างวันกันเช่นนี้แล้ว เจ้าของที่ดินแต่ละคน ต้องเสียภาษี คนละหน่วยกัน คือ ต่างคนต่างเสีย ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของกรมสรรพากรที่ ป.100/2543 ดังกล่าว

“ผมเชื่อว่า คุณชูวิทย์น่าจะรู้ข้อเท็จจริง และรู้ถึงการมีอยู่ของคำสั่งของกรมสรรพากรที่ ป.100/2543 นี้อยู่แล้ว แต่ในการแถลงข่าวของคุณชูวิทย์จะสังเกตเห็นได้ว่า ข้อเท็จจริงในส่วนนี้ คุณชูวิทย์ได้แต่เอามือลูบ ๆ คลำ ๆ เท่านั้น แต่ไม่ยอมพูดถึงในเรื่องนี้ ผมจึงไม่แน่ใจว่า การที่คุณชูวิทย์ไม่พูดถึงเรื่องนี้ จะเป็นการจงใจปกปิดข้อมูล เพื่อเปิดช่องตีคุณเศรษฐาหรือไม่ เพราะถ้าคุณชูวิทย์พูดถึงการได้มาของเจ้าของที่ดินทั้ง 12 คน ที่ได้มาต่างวันกันแล้ว จะไม่สามารถกล่าวหาเจ้าของที่ดินทั้หลายได้เลยว่าเลี่ยงภาษี” นายนรวิชญ์ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม เวลา 10.00 น. นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายที่ได้รับมอบหมายจากนายเศรษฐา ทวีสิน ให้มายื่นฟ้องดำเนินดดีกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ณ ศาลอาญา รัชดา