“เศรษฐา” ถก “หวัง อี้” ร่วมมือทุกมิติ กางแผน 6 ด้าน ปลุกลงทุน ลุยแลนด์บริดจ์

หวัง อี้-เศรษฐา ทวีสิน
หวัง อี้-เศรษฐา ทวีสิน

รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เดินทางมาเกิน 120 วัน บนเส้นทางการบริหารประเทศ เดินสายพบปะเจรจาประเทศคู่ค้า แล้วหลายชาติ หนึ่งในนั้นคือ สาธารณรัฐประชาชนจีน บ้านพี่-เมืองน้องกับประเทศไทย โดยนายเศรษฐาไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566

ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 ณ ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล นายหวัง อี้ (H.E. Mr. Wang Yi) สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศ พรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ร่วมมือกันระหว่างไทย-จีน ทุกมิติ

นายเศรษฐาเปิดเผยว่า ได้มีการประชุมชั่วโมงกว่ากับ นายหวัง อี้ ซึ่งท่านได้มาตั้งแต่ช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา และมีการพูดคุยกันในหลายมิติ โดยมีการเซ็นสัญญาระหว่าง นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าฟรีของทั้งสองประเทศในการเดินทางไปมา เริ่มต้นวันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ส่วนเรื่องการค้าระหว่างประเทศได้มีการพูดคุยกันในหลายมิติ ทั้งเรื่องการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ใช่แค่รถอีวีอย่างเดียว เรื่องการไปมาหาสู่รถไฟความเร็วสูง ที่จะมีขึ้นจากประเทศไทยผ่านหนองคาย ผ่านลาว และเข้าประเทศจีน

นายเศรษฐากล่าวว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะนี่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้นจากการที่เรามีความสัมพันธ์กันดีมาอย่างยาวนาน และปีหน้าจะครบ 50 ปี ตนได้เรียนเชิญ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มาเยือนประเทศไทยด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ อาทิ

ด้านการส่งเสริมสินค้าเกษตร นายกรัฐมนตรียินดีที่ในวันนี้จะมีการลงนามเอกสารเพื่อส่งออกสินค้าเกษตรจากไทยไปจีนจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ 1.พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืช

สำหรับการส่งออกต้นสนใบพาย จากประเทศไทยไปประเทศจีน 2.ความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกไทยไปจีน

ด้านการค้าและการลงทุน ไทยยินดีที่วิสาหกิจและภาคเอกชนจีนมาลงทุนในไทยเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยไทยพร้อมส่งเสริมการเติบโตของบริษัทจีนเพื่อส่งออกสินค้าไปยังตลาดทั่วโลก ซึ่งนายหวัง อี้ เห็นพ้อง ซึ่งพร้อมให้จีนสนับสนุนเรื่องการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของไทย และถ่ายทอดเทคโนโลยีต่าง ๆ

ด้านความสัมพันธ์ระดับประชาชนและการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างรอบคอบมากขึ้น

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน รวมทั้งได้หารือถึงการส่งมอบหมีแพนด้าในฐานะทูตสันถวไมตรีระหว่างจีนกับไทยอีกครั้งหนึ่ง

ด้านโครงสร้างพื้นฐาน จีนเห็นถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของโครงการ Landbridge ซึ่งจะหารือร่วมกับภาคเอกชนจีนที่สนใจและจะขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติม และจะจัด Roadshow และพร้อมให้คำแนะนำแก่ผู้ที่สนใจ ซึ่งโครงการ Landbridge ถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจและยังสามารถเป็นจุดเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ BRI เชื่อมเอเชียไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางและยุโรปได้

ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันความตั้งใจของฝ่ายไทยในการเร่งก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง และการเชื่อมโยงระบบขนส่งทางรางไทย-ลาว-จีน

ด้านการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะหาแนวทางร่วมกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่อย่างครอบคลุม ทั้งขบวนการหลอกลวงทางโทรศัพท์ การพนันออนไลน์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด

ด้านความร่วมมือระดับภูมิภาค ไทยเชื่อมั่นว่าจะเป็นตัวแทนในการรักษาเสถียรภาพ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตให้กับภูมิภาคนี้ได้ ซึ่งนายหวัง อี้ ยืนยันว่า จีนพร้อมสนับสนุนไทยในการเป็นประธานกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ในปี 2567 นี้ เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับประชาชนในภูมิภาค