
แจงรายชื่อพยาน ก่อนอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน กรณีการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
วานนี้ (31 มกราคม 2567) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ก่อนลงมติเอกฉันท์ 9-0 ให้การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ในการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ใช้เป็นนโยบายหาเสียง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และสั่งให้เลิกการกระทำ เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบในอนาคต
ที่มาคดีล้มล้างการปกครอง-ยกเลิก ม.112
นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร เป็นผู้ยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. (ขณะนั้น) ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรค ก.ก. ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. …. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
“เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง พร้อมสั่งให้เลิกการกระทำ การแสดงความคิดเห็น การพูด หรือการดำเนินการใด ๆ ในอนาคต”
ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดตัวพยาน
เริ่มต้นการอ่านคำวินิจฉัย นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า การพิจารณามีการรับฟังความคิดเห็นจากพยานนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ที่มีความเป็นกลาง 4 คน และองค์กรในกระบวนการยุติธรรม ได้แก่
- ดร.รณกร บุญมี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ศ.กิตติคุณ วิทิต มันตาภรณ์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รศ.ดร.ภูริ ฟูวงศ์เจริญ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- รศ.ดร.ศุภมิตร ปิติพัฒน์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- สภาความมั่นคงแห่งชาติ
- อัยการสูงสุด ศาลยุติธรรม
- ศาลอาญาอีก 4 แห่ง
รายการพยานวัตถุ
จาการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สรุปพยานวัตถุ จากการที่ผู้ถูกร้องทั้งสอง เข้าร่วมกิจกรรมการเมือง ร่วมชุมนุม เช่น กิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” และร่วมกิจกรรมบนเวทีปราศรัย ที่ จ.ชลบุรี ในเวทีที่เขียนว่า “คุณคิดว่ามาตรา 112 ควรยกเลิกหรือแก้ไข” และการเป็นนายประกันให้ผู้ต้องหา-จำเลย ให้กับผู้ต้องหาในคดีอาญามาตรา 112 โดยพยานวัตถุ ศาลรัฐธรรมนูญ นำมาประกอบการวินิจฉัย มีดังนี้
- ภาพนิ่ง
- ภาพเคลื่อนไหวและเสียง
- ข้อความที่ถอดจากเสียง เป็นลายลักษณ์อักษร
- ลิงค์และเวบไซด์ ที่ผู้ถูกร้องทั้งสองรณรงค์
โดยประธานศาลรัฐธรรมนูญมอบหมายให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย นายปัญญา อุดชาชน, นายจิรนิติ หะวานนท์, นายอุดม รัฐอมฤต และนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ เป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย ก่อนลงมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง
โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง อ่านรายละเอียดคำวินิจฉัยและรายละเอียดการกระทำของพรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ในต่างกรรม ต่างวาระ
ในช่วงสุดท้าย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้รับเลือกเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉัย ความว่า
“การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองจึงเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพการปกครองเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จึงสั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าว”
“การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ และสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำ เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย”