
ปรับปรุงเนื้อหา 10 ตุลาคม 2567
เปิดประวัติผลงาน ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ พยานปากเอก และผู้ร้องให้ยุบพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พ้นจากหัวหน้าพรรค ล่าสุดยื่นคำร้องว่า ทักษิณ เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
การเดินหน้าต่อต้านการล้มล้างการปกครองของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยังคงเคลื่อนต่อไป จากคดีเอาผิดจริยธรรมร้ายแรง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล นำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกลมาแล้ว
วีรกรรมนายธีรยุทธ ล่าสุดวันนี้ (10 ตุลาคม 2567) ได้นำคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยคำร้อง 65 หน้า และเอกสารประกอบอีกจำนวน 443 แผ่น รวมคำร้องและเอกสารประกอบชุดละ 508 แผ่น จำนวน 10 ชุด รวมเอกสารทั้งสิ้น 5,080 แผ่น
ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49
นายธีรยุทธทำการเป็นขั้นเป็นตอน โดยก่อนยื่นคำร้องนี้ ในฐานะผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ซึ่งครบกำหนด 15 วันนับแต่วันที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดในวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ไม่ปรากฏว่าอัยการสูงสุดได้ดำเนินการส่งคำร้องขอของผู้ร้องมายังศาลรัฐธรรมนูญตามที่ร้องขอ ผู้ร้องจึงใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสาม
นายธีรยุทธจึงยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาล รัฐธรรมนูญตามคำร้องฉบับนี้ เพื่อขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำใช้สิทธิและเสรีภาพ อันอาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49
ผลงานของธีรยุทธ สุวรรณเกษร ก่อนหน้านี้ 1 กุมภาพันธ์ 2567 คือหอบเอกสารจำนวน 100 กว่าหน้า ยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ดำเนินการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคก้าวไกลหรือไม่
และในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เตรียมยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการเอาผิดจริยธรรมร้ายแรงต่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ 44 สส.พรรคก้าวไกล ที่ร่วมเสนอชื่อแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ซึ่งเป็นผลผูกพันจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ที่สั่งให้นายพิธาและพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำ เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบที่จะเกิดต่อไปในอนาคตด้วย
อันเป็นการกระทำที่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง
ผลของการยื่นคำร้องของนายธีรยุทธ ส่งผลให้นายพิธาต้องพ้นจากการเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกลถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค
ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ระบุอาชีพตัวเองว่าเป็น “ทนายความอิสระ” แต่โด่งดังเป็นที่รู้จักในวงสังคมการเมือง เพราะเป็นอดีตทนายความประจำ “พระพุทธะอิสระ” หรือปัจจุบันคือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบันก้าวขึ้นปีที่ 9
เส้นทางก่อนเป็น “ทนายประจำพระพุทธะอิสระ” ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยไว้ว่า เข้าสู่เส้นทางธรรมด้วยการเข้าร่วมโครงการอุปสมบทหมู่ถวายเป็นพระราชกุศล แด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โดยมีพระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือพระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาส (ชื่อและตำแหน่งขณะนั้น) เป็นองค์บรรยายธรรม เมื่อครบกำหนด 2 เดือนก็ลาสิกขา แล้วกลับสู่ชีวิตฆราวาส-ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการว่าความดังเดิม
ประวัติการศึกษาของธีรยุทธ สุวรรณเกษร ระบุว่าเขาเป็นลูกพ่อขุน จบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำมาหากินด้วยอาชีพทนายความมา 24 ปี
ผลงานด้านการเป็นทนายความของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะ “ทนายความอิสระ” เขายังมี “ลูกความ” ที่ชื่อ “ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในคดีที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น ในความผิดฐานหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และฟ้องอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ถือว่าเป็น “ตัวพ่อ” ในวงการทนายความ ที่จัดการกับผู้ที่รณรงค์แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 แทบทุกกลุ่ม และส่วนใหญ่คู่กรณีมักไม่รอดคดี
ผลงานในการจัดการกับกลุ่มที่รณรงค์ แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ในฐานะทนายประจำ ได้รับมอบหมายจาก “พระพุทธะอิสระ” หรือ “สุวิทย์ ทองประเสริฐ” ให้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนักการเมืองและนักกิจกรรมการเมืองนับไม่ถ้วน บีบีซีไทยรวบรวมไว้ ดังนี้
1.แจ้งความดำเนินคดีกับ 3 แกนนำคณะก้าวหน้า ได้แก่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรณิการ์ วานิช กรณีบรรยายเรื่องงบประมาณของสถาบันพระมหากษัตริย์ ปิยบุตร แสงกนกกุล กรณีไลฟ์เฟซบุ๊กพูดถึง 3 ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมการเมืองเมื่อปี 2563 ในความผิดฐานร่วมกันยุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
2.แจ้งความดำเนินคดีกับนักเรียนชั้น ม.6 อายุ 18 ปี (ขณะนั้น) สมาชิกกลุ่ม “คะน้าราดซอส” จากการปราศรัยที่ห้าแยกลาดพร้าว เมื่อ 2 ธันวาคม 2563 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, 116 และอื่น ๆ รวม 8 ข้อหา
3.แจ้งความดำเนินคดีกับปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” แกนนำกลุ่มราษฎร กับพวกอีก 5 คน กรณีตั้งโต๊ะแถลงข่าว “ต้านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีล้มล้างการปกครอง” เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, 113, 116